- Details
- Category: บล.
- Published: Tuesday, 03 January 2023 21:08
- Hits: 2158
‘ทรีนีตี้’ ให้กรอบดัชนีหุ้นเดือน ม.ค. 2566 ที่ระดับ 1620-1700 จุด แนะลงทุนหุ้น 5 ธีมหลัก เช่นหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศได้รับผลดีจากมาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน’ หุ้นท่องเที่ยว หุ้นปันผล
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนมกราคม 2566 ว่า คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1620-1700 จุด ในเชิงกลยุทธ์ แนะถือครองหุ้นเพื่อ Let profit run สำหรับหุ้นที่ได้เข้าซื้อช่วงดัชนีต่ำกว่าระดับ 1640 จุด โดยการถือครอง ยังคงเน้นไปที่ ธีมการลงทุนแนะนำหลักของเราประจำไตรมาส 1 ซึ่งได้แก่ 1. กลุ่ม Domestic cyclical ที่อิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ได้แก่ GLOBAL, PLANB, SC, STEC 2. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและราคายังคงปรับตัว Laggard ได้แก่ กลุ่ม PF&REIT 3. กลุ่ม Anti-Commodity ที่ได้ประโยชน์จากราคาโภคภัณฑ์ขาลง ได้แก่ GPSC 4. กลุ่ม Counter Cyclical เพื่อ Hedging พอร์ตหากเศรษฐกิจชะลอเร็วกว่าคาด ได้แก่ JMT 5. กลุ่มหุ้นปันผลสูงที่เข้าสู่ High season ได้แก่ ADVANC, SCC, TISCO
ประเมินว่าทิศทางดัชนี SET ในช่วงเดือนมกราคมยังไม่มีอะไรน่ากังวลใจมากนัก โดยแรงกดดันที่จะเกิดขึ้นจากการไถ่ถอนกองทุน LTF นั้นมองไม่มีนัยสำคัญ โดยน่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 8 พันล้านบาท หลังนักลงทุนส่วนใหญ่ที่มีการเข้าซื้อกองทุนนี้ในปี 2017 ยังคงประสบผลขาดทุนอยู่ จึงอาจจะไม่ได้มีแรงจูงใจในการขายกองมากนัก
ในส่วนของปัจจัยกระตุ้นอื่น มองไปยังมาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน’ ที่น่าจะช่วยเข้ามาสร้างสีสันให้กับการจับจ่ายใช้สอยในประเทศได้บ้าง ส่วนทางภาคการคลังสหรัฐฯ จับตาความคาดหวังของนักลงทุนเชิงบวกต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ภายหลังจากการเข้ามาทำงานอย่างเป็นทางการของ Congress ชุดใหม่ ซึ่งมีการเปลี่ยนขั้วเสียงข้างมากจากพรรคเดโมแครตไปเป็นรีพับลิกัน
สำหรับการประชุมธนาคารกลางในเดือนนี้ มีที่น่าจับตาได้แก่ การประชุมกนง.ของไทยในวันที่ 25 มกราคม ซึ่งหากมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 ไปอยู่ที่ 1.50% ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ Surprise แต่อย่างใด
ส่วนปัจจัยที่น่าติดตามระยะสั้นได้แก่ รายงานตัวเลขภาคการผลิตของประเทศสำคัญต่างๆที่ดูเหมือนจะออกมาอ่อนแอมากขึ้น เปิดความเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทยในช่วงถัดไป รวมถึงรายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯประจำเดือนธ.ค. ซึ่งมีโอกาสเป็นตัวกำหนดแผนการดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ในช่วงถัดไป โดยเฉพาะหากตัวเลขจริงออกมาทรงตัวหรืออ่อนแอจากเดือนก่อน เนื่องจากจะเป็นการยืนยันถึงแผนการลดความเร็วการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในช่วงถัดไปได้