- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 17 November 2014 22:17
- Hits: 3309
ASP รับรายได้ กำไรปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน การเมืองฉุด ยันรักษาอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 30%
ASP รับรายได้ -กำไรปีนี้ต่ำกว่าปีก่อน รับผลกระทบการเมืองต้นปี ยันรักษาอัตรากำ ไรสุทธิมากกว่า 30%-มาร์เก็ตแชร์ 4% โชว์ลูกค้า IPO ในมือ 12 บริษัท ทยอยเข้าเทรด ปีหน้า ลูกค้า IB อีก 15 บริษัท พร้อมคาดปรับโครงสร้างเป็นโฮลดิ้งแล้วเสร็จเดือน พ.ค. 58 กระจายลงทุนนอกธุรกิจหลักทรัพย์มากขึ้น
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า รายได้กำไรปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3,109.20ล้านบาท และ 1,067.33ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองช่วงต้นปี ทำให้ปริมาณการซื้อขายช่วงครึ่งปีแรกลดลงกว่าเท่าตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่อยู่เฉลี่ยราว 50,000 ล้านบาท/วัน แม้ว่าปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังแต่ก็ไม่สามารถชดเชยได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมั่นใจว่ารักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับมากกว่า 30% ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมด้วยการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงที่ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ซบเซา บริษัทฯได้หันไปเน้นงานด้านวาณิชธนกิจ รวมถึงธุรกิจบริหารสินทรัพย์เข้ามาเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูงต่อไป รวมไปถึงส่วนแบ่งตลาดที่จะรักษาระดับที่ประมาณ 4%
ด้านภาพรวมตลาดฯ ในปีหน้าขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการลงทุนของรัฐบาล ซึ่งหากเกิดขึ้นได้ตามเป้าหมายจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตได้ และจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการบริโภคในประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ สำหรับตลาดหุ้นไทยให้นักลงทุนระมัดระวังเลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับ เพราะปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีหุ้นเก็งกำไรที่ราคาเกินพื้นฐานมากเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อการลงทุนโดยรวมได้
บริษัทฯ มีงานวาณิชธนกิจอยู่ในมือ 27 ดีล แบ่งเป็นการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) 12 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยยื่นไฟลิ่งตั้งแต่ปลายปีนี้เพื่อเข้าจดทะเบียนในปีหน้า โดยมีทั้ง SET และ mai นอกจากนี้ยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงิน (IB) อีก 15 บริษัท โดยมีทั้งการควบรวมหรือซื้อกิจการ และการฟื้นฟูบริษัท
นายก้องเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังยืนยันที่จะไม่แข่งขันด้านราคาค่าคอมมิชชั่น แม้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาจะมีการปรับตัวลดลงเหลือ 0.17% จาก 0.18% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เป็นการปรับตัวลดลงตามอุตสาหกรรม และโดยเฉลี่ยแล้วยังอยู่สูงกว่าค่าคอมมิชชั่นของอุตสาหกรรมที่อยู่ระดับ 0.14% ซึ่งบริษัทฯของเน้นย้ำว่า จะเน้นการบริการที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับลูกค้า โดยปัจจุบันมีทีมทำบทวิจัยทั้งไทยและต่างประเทศถึง 45 คน สูงสุดของอุตสาหกรรม รวมทั้งมีบริการที่หลากหลาย
นอกจากนี้ คาดว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของบริษัทฯ เป็น โฮลดิ้ง คอมปานี จะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.2558 ซึ่งเป้าหมายหลักคือความยืดหยุ่นและโอกาสในการลงทุนที่มากขึ้น จากเดิมที่มีการลงทุนอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจเท่านั้น รวมไปถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงในแต่ละธุรกิจให้แยกออกจากกัน จากเดิมที่กลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจและบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอยู่ภายใต้บริษัทหลักทรัพย์
ซึ่งหลังจากนี้จะมีบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง เป็นบริษัทแม่เพื่อถือหุ้นในบริษัทย่อย ได้แก่ 1.บล.เอเซีย พลัส 2014,2.บลจ.เอเซีย พลัส และ 3.บริษัท เอเซีย พลัส แอดไวเซอรี่ ทั้งนี้บริษัทฯจะยังใช้ชื่อย่อ ASP ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ และมั่นใจว่าการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น
"เราปรับโครงสร้างเพื่อให้เป็นไปตามหลักสากลเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต รวมไปถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน นอกจากนี้หากใช้ บล.เอเซีย พลัส เข้าลงทุนในธุรกิจอื่นจะทำให้มีการดึง NCR แต่หากเปลี่ยนเป็นโฮลดิ้งจะทำให้เรามีอิสระในการลงทุนธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการเงินมากยิ่งขึ้น ส่วนการเพิ่มทุนใน บล.เอเซีย พลัส 2014 ตามที่แจ้งกับตลาดนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นการนำเงินของบริษัทแม่ซึ่งมีอยู่แล้วเข้าไปเพิ่มให้ได้ตามเกณฑ์ โดยจะไม่มีการขอเพิ่มทุนใหม่จากผู้ถือหุ้น"นายก้องเกียรติ กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย