- Details
- Category: บล.
- Published: Thursday, 01 July 2021 21:16
- Hits: 14264
บล.ทิสโก้แนะจัดพอร์ต ‘ตั้งรับ’
ตลาดเสี่ยงปรับฐานจากปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ
บล.ทิสโก้เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังแนะจัดพอร์ตแบบตั้งรับเน้นลงทุนหุ้นเชิงรับหุ้นเชิงคุณค่าลดเสี่ยงตลาดหุ้นปรับฐานหลังความเสี่ยงในประเทศยังรุมเร้าขณะที่เศรษฐกิจโลกน่าจะเร่งตัวผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและนโยบายการเงินเริ่มตึงตัว
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Mr. Apichat Poobunjirdkul, Senior Strategist, TISCO Securities Co., Ltd) เปิดเผยว่าในเดือนที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวขึ้นทะลุ 1,600 จุดได้ตามที่คาดโดยแตะระดับสูงสุดที่ 1,642 จุด แต่พลิกกลับมาถอยหล่นจนต่ำกว่าระดับ 1,600 จุดอีกครั้ง เนื่องจากถูกกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศที่ยืดเยื้อและมีผู้ติดเชื้อใหม่ขึ้นหลัก 4,000 คนต่อวัน นำไปสู่การกลับมาใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้นในพื้นที่สีแดงเข้มหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการผ่อนปรนไปได้เพียงไม่นาน ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับมีความเสี่ยงจากการระบาดของสายพันธุ์เดลต้ารวมทั้งสายพันธุ์อื่น ที่อาจซ้ำเติมให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
ขณะเดียวกัน อัตราการฉีดวัคซีนก็น่าผิดหวัง นับตั้งแต่เริ่มมีการฉีดวัคซีนในวงกว้างเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมาโดยมีอัตราการฉีดเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3 แสนโดสต่อวันซึ่งยังห่างไกลเป้าหมายที่วางไว้ว่าต้องมีอัตราการฉีดวัคซีนที่ 5 แสนโดสต่อวันหากนายกรัฐมนตรีต้องการเปิดประเทศภายใน 120 วันและ 4.5 แสนโดสต่อวันหากต้องการเปิดประเทศภายในต้นปีหน้า
นอกจากปัจจัยกดดันจากการระบาดภายในประเทศแล้ว การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15-16 มิถุนายนที่ผ่านมายังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด อิงจากคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต (Dot Plot) ชี้ว่า FED จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 2 ครั้งในปี 2566 ซึ่งเร็วขึ้นจากเดิมที่ชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะคงที่ที่ระดับ 0-0.25% ตลอดจนสิ้นปี 2566 จึงมีโอกาสมากขึ้นที่ FED อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าปี 2566 ซึ่งคงต้องรอติดตามพัฒนาการเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ในด้านกลยุทธ์การเลือกหุ้นลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง บล.ทิสโก้มองว่าโฉมหน้าหุ้นที่น่าสนใจจะเปลี่ยนไปเป็นหุ้นเชิงรับ (Defensive Stocks) และหุ้นเชิงคุณค่า (Value Stocks) มากขึ้น เพราะเศรษฐกิจโลกน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังน่าสนใจเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมายังปรับตัวขึ้นน้อยอยู่ (Laggards) ผสานกับส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะยาวและระยะสั้น (Yield Curve) ที่แปรเปลี่ยนเป็นสภาวะ “Bearish Flattening” ยิ่งตอกย้ำมุมมองการลงทุนข้างต้น เพราะในสภาวะ Bearish Flattening Yield Curve ตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนลดลงและอาจมีการปรับฐานเกิดขึ้นดังนั้น นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ “Selective Buy” ที่คัดเลือกหุ้นในเชิงคุณภาพมากขึ้น เช่น หุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี มีการเติบโต ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และระดับการประเมินมูลค่ายังน่าสนใจ
“ครึ่งปีแรกตลาดหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1,642 จุดเพราะหุ้นในกลุ่มวัฏจักร (Cyclical Stocks) และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่นเนื่องจากได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแต่หลังจากนี้หุ้นที่จะปรับขึ้นนำตลาดจะเปลี่ยนไป กลายเป็นหุ้นเชิงรับและหุ้นเชิงคุณค่า เพราะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะผ่านจุดที่ขยายตัวดีที่สุดไปแล้ว สะท้อนให้เห็นได้จากดัชนี ISM ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่ขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 64.7 จุดในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงซึ่งจากข้อมูลในอดีตพบว่าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวหุ้นกลุ่มเชิงรับจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นวัฏจักร” นายอภิชาติกล่าว
ดังนั้น บล.ทิสโก้ มองหุ้นไทยจบรอบแกว่งซิกแซกขึ้นแล้ว เข้าสู่ช่วงการพักฐานแกว่งตัวออกข้างถึงแกว่งตัวลง (ไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์) ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า กลยุทธ์การลงทุนต่อจากนี้แนะเลือกหุ้นเป็นรายตัว เน้นที่คุณค่าและคุณภาพ (Value & Quality) โดยมองธีมการลงทุนหลักช่วงนี้จะเกี่ยวกับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะออกมาดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน หุ้นเด่นที่เราแนะนำในเดือนกรกฏาคม คือ BCH, BDMS, BEC, JWD, KCE, NYT และ TVO ด้านแนวรับสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,570 - 1,575 แนวรับถัดไปคือ 1,565 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญเดือนนี้อยู่ที่ 1,570 - 1,575 จุด แนวต้านถัดไปคือ 1,565 เมื่อทะลุได้จะทำแนวต้านถัดไป คือ 1,610 1,630 และ 1,645 จุด ตามลำดับ
A7035
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ