- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 27 October 2014 18:33
- Hits: 5336
ฟินันเซีย ไซรัส ตั้งเป้าภายใน 3-4 ปี ขึ้นชั้นโบรกเกอร์ระดับอาเซียน ปีหน้าเป้ามาร์เก็ตแชร์ขั้นต่ำ 5%
ฟินันเซีย ไซรัส ตั้งเป้าภายใน 3-4 ปี ขึ้นชั้นโบรกเกอร์ระดับอาเซียน ตั้งเป้ารักษามาร์เก็ตแชร์ปีหน้าไม่ต่ำกว่า 5% เตรียมจับมือพันธมิตรต่างชาติขยายฐานลูกค้าในไทย ยันคิดค่าคอมมิชชั่น ตามเกณฑ์สมาคมโบรกเกอร์
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปประเทศแถบอาเซียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแผนลงทุนในเวียดนาม พม่า หลังจากที่ผ่านมาได้ไปตั้งบริษัทร่วมทุนที่ประเทศกัมพูชาแล้ว โดยในระยะแรกจะเน้นทางด้านที่ปรึกษาทางการเงินและศึกษาแผนให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่อไป โดยที่กัมพูชาขณะนี้มีดีลเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา คือ บริษัทที่ทำธุรกิจท่าเรือน้ำลึก
"บริษัทฯมีเป้าหมายระยะกลาง 3-4 ปี จะเป็นโบรกเกอร์ระดับอาเซียน หลังจากเป็นโบรกเกอร์ที่ให้บริการครบวงจรในประเทศไทย เรามีแนวทางในการขยายงาน 3ด้าน คือธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในไทย เพิ่มสินค้าใหม่ๆให้กับลูกค้า และ การขยายธุกิจในแถบภูมิภาคอาเซียน" นายช่วงชัย กล่าว
นายช่วงชัย กล่าวต่อว่า บริษัทฯ คิดค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์(คอมมิชชั่น) ตามเกณฑ์ที่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์กำหนด ไม่ได้ให้ลูกค้าที่มีมูลค่าการซื้อขาย 20 ล้านบาทขึ้นไป ซื้อขายฟรีตามที่เป็นข่าวก่อนหนานี้ แต่ก็มีการลดค่าคอมฯให้ลูกค้าบ้างเป็นไปตามเรทอ้างอิงของสมาคมโบรกเกอร์กำหนดไว้
ทั้งนี้ บริษัทฯมีฐานลูกค้า 80% เป็นบุคคลธรรมดาซึ่งคิดค่าคอมมิชชั่นผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดอยู่ที่ 0.18% หรือวอลุ่มเทรด 1 ล้านบาท คิดค่าคอมฯ 1,800 บาท หากเทรดผ่านอินเทอร์เน็ตคิดค่าคอมฯอยู่ที่ 0.101% หรือวอลุ่มเทรด 1 ล้านบาท คิดค่าคอมฯที่ 1,000 บาท ขณะที่บริษัทฯมีลูกค้ารายใหญ่ที่มีการซื้อขายหุ้นวันละ 100 ล้านบาท เพียง 10-15 รายเท่านั้น จากปัจจุบันที่มีลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัททั้งหมด 50,000 บัญชี
"บริษัทฯวางเป้าหมายที่จะเป็นโบรกเกอร์ที่มีการให้บริการที่ครบวงจรสำหรับนักลงทุนรายย่อย ปัจจุบันมีมาร์เก็ตติ้งถึง 600-700 คน มี 35 สาขา มีทีมฝ่ายวิเคราะห์ 14 คน มีการออกบทวิเคราะห์ครอบคลุมหุ้น 130 ตัว หรือคิดเป็นมาร์เก็ตแคป 80% ของหุ้นทั้งหมด เพื่อออกบทวิเคราะห์ให้นักลงทุนรายย่อย ขณะที่บริษัทฯเป็นผู้นำทางด้านการเป็นอันเดอร์ไรท์ และ FA ในการนำหุ้นเข้าตลาด ซึ่งปีนี้เป็นทั้ง FA และอันเดอร์ไรท์ 6 ตัว ทำให้เห็นว่าหากบริษัทฯ ต้องการเป็นดิสเคาท์โบรกเกอร์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีมาร์เก็ตติ้งและฝ่ายวิเคราะห์ที่เยอะขนาดนี้" นายช่วงชัย กล่าว
สำหรับ มาร์เก็ตแชร์ปีนี้บริษัทฯจะรักษาเอาไว้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 5% โดยในช่วงครึ่งปีหลังมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทฯปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองดีขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีบัญชีซื้อขายหุ้นทั้งหมด 50,000 บัญชี มีการซื้อขายสม่ำเสมอ 20%หรือประมาณ 10,000 บัญชี ซึ่งสัดส่วนลูกค้าเป็นนักลงทุนรายย่อย 80% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 2% สถาบันต่างประเทศ 17% ปัจจุบันบริษัทฯมีการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) อยู่ที่ 700-800 ล้านบาท ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทฯที่ 5%
บริษัทฯ ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ปีหน้าไม่ต่ำกว่า 5% เนื่องจากมีแผนร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศในการขยายธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2 เดือน และคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เข้ามาเปิดบัญชีเพิ่มขึ้น 10,000 บัญชี หรือเดือนละ 1,000 บัญชี และมีแผนที่จะรับเจ้าหน้าที่ตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) เพิ่มเพื่อรองรับกับลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯมีการรับมาร์เก็ตติ้งใหม่เดือนละประมาณ 10 คน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้จากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตในการออกเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) โดยคาดว่าจะให้บริการได้ในต้นปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะทำกองทุนส่วนบุคคล หรือ Private Fund คาดจะใช้เวลาในการวางแผนในการทำอย่างน้อย 1-2 ปี
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย