- Details
- Category: บล.
- Published: Thursday, 09 July 2020 15:57
- Hits: 3871
เอเซีย พลัส มองตลาดหุ้นไทย 3Q63 ‘ยิ่งปรับขึ้นไป ยิ่งไกลพื้นฐาน’
แนะลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ปันผลเด่น
สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) ในกลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP นำโดย คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ ประเมินภาพรวมการลงทุนในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ยังมีหลากหลายปัจจัยกดดันการลงทุน โดยในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ยังเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วโลก อาทิ การเคลื่อนย้ายคน สิ่งของ การจ้างงาน และปัจจัยสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ซึ่งมีแรงกระตุ้นจากความตึงเครียดสถานการณ์จีน-ฮ่องกงที่เพิ่มความร้อนแรงมากขึ้น ฯลฯ
สำหรับในประเทศ แม้สถานการณ์ COVID-19 มีแนวโน้มดีมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งปี 63 บล.เอเซีย พลัส คาดหดตัว -8.4%yoy ขณะที่เม็ดเงินขับเคลื่อนเศรษฐกิจจาก พรก. 3 ฉบับออกมาไม่เต็มที่ โดยรวมคาดภาพเศรษฐกิจไทยช่วง 2H63 หลัง COVID-19 จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยประเมินเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยเกือบทุกตัวทั้ง การท่องเที่ยว การค้าระหว่างประเทศ การบริโภคในประเทศ ส่วนการลงทุนเอกชนชะลอลงแรง คงเหลือแรงขับเคลื่อนเพียงการใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น งานก่อสร้าง งานประมูลโครงสร้างพื้นฐาน โครงข่ายโทรคมนาม และมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐที่ยังมีอยู่
“โดยรวมช่วง 3Q63 ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายเรื่อง ทั้งภายในและภายนอก และการที่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยซื้อขายกันที่ PER63F สูงเกิน 20 เท่า ซึ่งแพงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ขณะที่แนวโน้มการเติบโต EPS Growth 63F ของไทยลดลง 27.5%yoy ถือว่าต่ำสุดในภูมิภาค เชื่อว่าจะกดดันให้ Fund Flow ชะลอการไหลเข้า ขณะที่แรงขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยยังคงต้องพึ่งพิง Fund Flow จากนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก” คุณเทิดศักดิ์ กล่าว
รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย ASPS กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 63 ประเมินกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยล่าสุด สายงานวิจัยประเมิน 6.88 แสนล้านบาท (EPS63F เท่ากับ 64 บาท/หุ้น) พิจารณาภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนครึ่งปีแรก พบว่ากำไรงวด 1Q63 อยู่ที่ 1.06 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2563 ส่วนงวด 2Q63 คาดอาจไม่ได้ลดลง QoQ แต่ลดลง YoY ทำให้ 1H63 บริษัทจดทะเบียนอาจทำกำไรได้เพียง 30-40% ของประมาณการปี 2563 ที่สายงานวิจัยประเมิน 6.88 แสนล้านบาท (EPS63F เท่ากับ 64 บาท/หุ้น) ส่งผลให้ช่วงที่เหลือของปี บริษัทจดทะเบียนจะต้องทำกำไรเกินกว่า 60-70% ของประมาณการ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายพอสมควร โดยประเมินความเสี่ยงกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2563 มีโอกาสถูกปรับลงอีก สวนทางกับ SET Index ที่ปรับขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะที่ยิ่งปรับขึ้นไป ยิ่งไกลพื้นฐาน
คุณเทิดศักดิ์ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3 ปี 63 นี้ เนื่องจากสถานการณ์ในปีนี้มีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย ดังนั้น การลงทุนจึงต้องเน้นหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน และกลุ่มหุ้นที่อิงกระแสการประมูลโครงการลงทุนของรัฐ และมาตรการกระตุ้นการบริโภค เลือก BGRIM, CPF, CPALL, INTUCH, INSET, SEAFCO โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index อยู่ในกรอบ 1,250-1,420 จุด
AO7234
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web