- Details
- Category: บล.
- Published: Tuesday, 30 June 2020 23:15
- Hits: 7951
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)' ที่ 'A' แนวโน้ม 'Stable'
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'A' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ในการเป็นบริษัทในเครือเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลางของ KGI Securities Co., Ltd. ในไต้หวัน (หรือ KGI Taiwan รวมทั้งบริษัทในเครือรายอื่น ๆ ใน KGI Group) ซึ่งสถานะดังกล่าวเอื้อให้อันดับเครดิตของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นจากสถานะอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเอง
บนพื้นฐานของอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทนั้น อันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในธุรกิจตราสารอนุพันธ์ แหล่งรายได้ที่มีความหลากหลาย สถานะเงินกองทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และความสามารถในการทำกำไรที่ค่อนข้างดีของบริษัทในภาพรวม อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นจากสัดส่วนกำไรจากการค้าหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ที่อยู่ในระดับสูงซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งกำไรที่ไม่แน่นอนได้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมากยิ่งขึ้น
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทในเครือที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลางของ KGI Group
อันดับเครดิตองค์กรของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้รับการยกระดับเพิ่มขึ้นจากสถานะในการเป็นบริษัทในเครือเชิงกลยุทธ์ที่มีความสำคัญปานกลางของ KGI Group ทั้งนี้ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มี KGI Asia (Holdings) Pte. Ltd. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในอัตราส่วน 34.97% ในขณะที่ KGI Asia (Holdings) เป็นบริษัทลูก 100% ของ KGI Taiwan ณ เดือนพฤษภาคม 2563 คณะกรรมการของบริษัทจำนวน 3 คนจากทั้งหมด 9 คนได้รับการเสนอชื่อโดย KGI Taiwan
บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและความรู้จากผู้เชี่ยวชาญของ KGI Taiwan ทำให้บริษัทสามารถเป็นผู้นำในตลาดตราสารอนุพันธ์ในประเทศไทยได้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จเป็นระยะเวลายาวนานและการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอให้แก่กลุ่มเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้ KGI Group จะยังคงสัดส่วนผู้ถือหุ้นในบริษัทต่อไปในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ดี แม้ว่าทริสเรทติ้งจะมองเห็นความสัมพันธ์ในด้านกลยุทธ์และความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างบริษัทกับ KGI Taiwan และบริษัทในเครือที่มีอยู่ในระดับที่ชัดเจน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานการสนับสนุนทางด้านการเงินที่แน่นอนจากกลุ่ม
สัดส่วนกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์เพิ่มสูงขึ้น
บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มีโครงสร้างธุรกิจที่ค่อนข้างมีความหลากหลายโดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ที่ส่วนใหญ่เป็นใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant – DW) ซึ่งนอกเหนือไปจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ทริสเรทติ้งคาดว่า บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จะยังสามารถคงความเป็นผู้นำทางการตลาดรายใหญ่ที่สุดของไทยในการออก DW ต่อไป โดยส่วนแบ่งทางการตลาดของมูลค่าการซื้อขาย DW ที่ออกโดยบริษัทอยู่ที่ระดับ 42% ในปี 2562
ในด้านของรายได้โดยรวมนั้น สัดส่วนของกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมมีสัดส่วนประมาณสองในสามของรายได้รวมของบริษัท โดยสัดส่วนของกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ต่อรายได้รวมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีสัดส่วนถึง 43% ในปี 2562 จากที่ระดับ 20%-30% ในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าสัดส่วนรายได้ดังกล่าวที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นไม่เอื้อต่อปัจจัยทางเครดิตเนื่องจากมีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวนอย่างหนัก
สำหรับ รายได้ค่าธรรมเนียมนั้น บริษัทยังคงสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมที่ดีและมีความมั่นคงจากการออกผลิตภัณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก โดยรายได้ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้มีสัดส่วนกว่า 18% ของรายได้รวมในปี 2562 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 5% ในขณะเดียวกัน สัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 21% ในปี 2562 จากระดับ 30%-40% ในอดีต ซึ่งสอดคล้องกับส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่ลดลงจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์และหุ้นกู้อนุพันธ์ (Structured Note) มากกว่า
ความผันผวนของผลกำไรระยะสั้น
ทริสเรทติ้ง คาดว่าความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพจากการมีรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้กระนั้น ความเสี่ยงจากการมีกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ในระดับสูงก็อาจทำให้ผลประกอบการของบริษัทได้รับผลกระทบจากสภาวะความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ โดยบริษัทรายงานผลขาดทุนจากตราสารทางการเงินเป็นมูลค่ารวม 619 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ด้วยสาเหตุหลักที่เกิดจากมาตรการป้องกันความเสี่ยงสำหรับธุรกิจตราสารอนุพันธ์ของบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากตลาดที่มีความผันผวนอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงของบริษัทลดลงจนติดลบโดยมาอยู่ที่ระดับ -3.77%
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 จากระดับ 3.7% ตลอดช่วงปี 2562 โดย บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มีผลขาดทุนสุทธิ 507.5 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 จากสถานการณ์ดังกล่าวซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าเป็นเหตุการณ์ระยะสั้น บริษัทก็ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ให้รองรับความผันผวนของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังประมาณการอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงของบริษัทว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3% ต่อปีในช่วงปี 2564-2565 อีกด้วย สำหรับในด้านบวกนั้น บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้เป็นอย่างดีซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบที่จะเกิดกับผลการดำเนินงานของบริษัทได้ โดยบริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิอยู่ที่ระดับ 48% ในปี 2562 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 66%
เงินกองทุนเพียงพอรองรับความผันผวนของผลการดำเนินงาน
ฐานเงินกองทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้ช่วยรองรับผลขาดทุนจากธุรกิจตราสารอนุพันธ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากสู่ระดับ 32% ณ เดือนมีนาคม 2563 จากระดับ 16.5% ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดโดยการลดขนาดของธุรกิจ DW ลงในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งนำไปสู่ขนาดของเงินลงทุนในตราสารหุ้นที่ลดลงภายใต้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงแบบ Delta-Neutral อย่างไรก็ตาม หลังจากการปรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ ทริสเรทติ้งคาดว่าขนาดธุรกิจของบริษัทจะกลับคืนสู่ระดับปกติ โดยทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงซึ่งเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 32% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 นั้นจะเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวและคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 16%-18% ซึ่งเป็นระดับปกติในช่วงปี 2563-2565
ยอมรับความเสี่ยงได้ลดลง
ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าการบริหารความเสี่ยงของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยบริษัทยังคงได้รับการสนับสนุนและแนวทางการบริหารความเสี่ยงจาก KGI Group ทั้งในด้านความรู้ความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ ระบบการซื้อขาย และการจัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ยังมีการพัฒนานโยบายและกระบวนการบริหารความเสี่ยงของบริษัทเองโดยได้กำหนดระดับความเสี่ยงที่รับได้และตัวชี้วัดความเสี่ยงของตลาดตามเวลาจริง (Real Time) ที่ชัดเจนอีกด้วย ทั้งนี้ การมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็งได้ส่งผลให้บริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ในเกือบทุกกรณีแม้ว่าความเสี่ยงที่บริษัทยอมรับได้จะอยู่ในระดับค่อนข้างสูงก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มีผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินค่อนข้างต่อเนื่องพร้อมทั้งยังสามารถคงต้นทุนทางเครดิตจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ให้อยู่ในระดับต่ำได้
บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) สามารถบริหารเงินลงทุนของบริษัท (Proprietary Trading) ได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีผลขาดทุนจากตลาดที่มีความผันผวนสูงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ทริสเรทติ้งพิจารณาว่าผลขาดทุนจากการบริหารความเสี่ยงของบริษัทที่เกิดขึ้นนั้นมาจากสถานการณ์ความเสี่ยงของตลาดที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ซึ่งไม่นับเป็นปัจจัยในการคำนวณราคาของ DW ที่มีอยู่ ดังนั้น เพื่อเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ผู้บริหารของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จึงเข้ามาช่วยเหลือด้วยการลดขนาดของ DW ที่ออกโดยบริษัทซึ่งมีการซื้อขายในตลาดลง ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวก็คือการปรับลักษณะและราคาของผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถรองรับระดับความเสี่ยงที่มีขอบเขตกว้างขึ้น
แหล่งเงินทุนและสภาพคล่องยังคงแข็งแกร่ง
แหล่งเงินทุนและสภาพคล่องของ บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ทริสเรทติ้งประมาณการอัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพของบริษัทว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 170% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งถือว่าแข็งแกร่งตามเกณฑ์ของทริสเรทติ้ง
จากข้อมูล ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินหลายแห่งซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินงานในระดับปัจจุบันและการขยายธุรกิจในอนาคต ทริสเรทติ้งยังคาดว่าอัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงอยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่งที่ระดับประมาณ 1.8-1.9 เท่าในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปอยู่ที่ระดับ 62% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ทริสเรทติ้งตั้งสมมติฐานกรณีพื้นฐานสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 ดังนี้
- • อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.06%-0.07%
- • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ที่ระดับปกติประมาณ 50% ในปี 2564-2565
- • อัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ที่ระดับปกติประมาณ 3% ในปี 2564-2565
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจที่สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมและรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่งจากการมีระดับกำไรที่มีเสถียรภาพและการจ่ายเงินปันผลในระดับที่เหมาะสมโดยที่ในขณะเดียวกันบริษัทจะยังคงมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็งอีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทมีจำกัด อย่างไรก็ตาม หากบริษัทยังคงมีสัดส่วนกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดที่ทริสเรทติ้งเชื่อว่าจะกระทบอย่างมีนัยสำคัญอย่างต่อเนื่องต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทก็อาจส่งผลต่อการประเมินความมั่นคงทางธุรกิจของบริษัทได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตของบริษัทถึงแม้ว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่แข็งแกร่งก็ตาม
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีต่อสถานะเครดิตของ KGI Group หรือความเห็นของทริสเรทติ้งในเรื่องระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มเปลี่ยนไปก็อาจมีผลต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทได้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- Securities Company Rating Methodology, 9 April 2020
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน (KGI)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KGI20NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ