WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CGS มอง SET Index ใกล้ถึงจุดอิ่มตัว! เตือนระมัดระวังลงทุน ตลาดหุ้นสหรัฐเสี่ยงปรับฐาน เขย่าหุ้นทั่วโลก หลังวิ่งมาราธอน ไม่ยอมเบรก แนะเก็บหุ้น AMATA,RML,IRPC,BBL,INTUCH,PTA,AJD เข้าพอร์ต มี Up side สูง

     บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เตือนระมัดระวังการลงทุนเดือนต.ค. เนื่องจาก SET Index ใกล้ถึงจุดอิ่มตัว จับตาเฟดหยุดใช้คิวอี-ทิศทางดอกเบี้ย ระบุตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสปรับฐาน กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตาม หลังวิ่งมาราธอนตั้งแต่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ไม่มีเบรก ขณะที่ปัจจัยในประเทศแนะเกาะติดผลประกอบการบจ.ไตรมาส3/57แนะกลยุทธ์การลงทุนเน้นเก็งกำไรมากกว่าลงทุนเชียร์เก็บหุ้น AMATA, RMLIRPC, BBL, INTUCH, PTA, AJD เข้าพอร์ต ระบุมี Up side สูง ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน

     นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปัจจัยที่ต้องจับตามองยังคงเป็นเรื่องของนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ขณะที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ คาดว่าจะไม่มีแล้วและจะทำให้ค่าเงินบาทผันผวนได้ง่าย  อีกทั้งตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ถือว่าค่อนข้างอิ่มตัว การลงทุนในช่วงนี้แนะนำให้เน้นเก็งกำไรมากกว่าลงทุน  ดังนั้นในเดือนตุลาคมกลยุทธ์จึงต้องระมัดระวัง และเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นเด่นเท่านั้น

    สำหรับ ปัจจัยต่างประเทศที่กระทบการลงทุนในเดือนต.ค.ประกอบด้วย การยุติโปรแกรมเข้าซื้อพันธบัตรและจับตาทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ  โดยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐกำลังบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นมาตลอด

    อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมปรับตัวขึ้น แม้ว่าเฟดจะลดขนาดคิวอี เนื่องจากสภาพคล่องยังคงสูง และตลาดมองที่การออกมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจรอบใหม่ ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในยูโรโซนที่ชะลอ และดัชนีราคาส่งสัญญาณเงินฝืด จึงเป็นตัวเร่งให้

      อีซีบี ปรับลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งในเดือน ต.ค. จะเริ่มแผนการใช้ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยคาดว่ามาตรการอัดฉีดเงินรอบนี้น่าจะใช้เงินสูงสุดถึง 500,000 ล้านยูโร ราว 650,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

      นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ถ้าออกมาแย่กว่าคาด  อาจเป็นปัจจัยลบกดดันภาวะตลาดมากขึ้น นั้นสะท้อนว่าเศรษฐกิจอาจขยายตัวไมได้ตามเป้า

     “ปัจจัยที่อาจกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก คือโอกาสที่เกิดการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ยังไม่ได้ปรับฐานเลย นับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์สหรัฐ”นายรณกฤตกล่าว

     ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ นายรณกฤต กล่าวว่า สัญญาณเศรษฐกิจในประเทศเริ่มออกมาในเชิงบวกมากขึ้น โดยธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงท้ายปี และเติบโตระดับปกติ ในปี 2558  และกระทรวงการคลังพร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งในช่วงกลางเดือน ต.ค. บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2557 ออกมา โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์

     รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในเดือนต.ค.ว่า เชื่อว่าหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งจากเรื่องของผลประกอบการเติบโต และราคาหุ้นที่ยัง under value จะสามารถทนแรงขายของตลาดได้  อีกทั้งหากมีปัจจัยบวกที่โดดเด่นเป็นรายบริษัทจะยิ่งทำให้หุ้นตัวนั้นอาจปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดที่ผันผวน เราจึงสนใจเลือกหุ้นดังนี้ AMATA,RML,IRPC,BBL, INTUCH,PT และ AJD

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : IR network

คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋)            Mobile 080-999-8028    e-mail: [email protected]

คุณอชิรญา ระเบียบนาวีนุรักษ์ (จอย)         Mobile 081-685-1118    e-mail: [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!