- Details
- Category: บล.
- Published: Thursday, 16 October 2014 23:32
- Hits: 3314
CGS มอง SET Index ใกล้ถึงจุดอิ่มตัว! เตือนระมัดระวังลงทุน ตลาดหุ้นสหรัฐเสี่ยงปรับฐาน เขย่าหุ้นทั่วโลก หลังวิ่งมาราธอน ไม่ยอมเบรก แนะเก็บหุ้น AMATA,RML,IRPC,BBL,INTUCH,PTA,AJD เข้าพอร์ต มี Up side สูง
บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) เตือนระมัดระวังการลงทุนเดือนต.ค. เนื่องจาก SET Index ใกล้ถึงจุดอิ่มตัว จับตาเฟดหยุดใช้คิวอี-ทิศทางดอกเบี้ย ระบุตลาดหุ้นสหรัฐมีโอกาสปรับฐาน กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตาม หลังวิ่งมาราธอนตั้งแต่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ไม่มีเบรก ขณะที่ปัจจัยในประเทศแนะเกาะติดผลประกอบการบจ.ไตรมาส3/57แนะกลยุทธ์การลงทุนเน้นเก็งกำไรมากกว่าลงทุนเชียร์เก็บหุ้น AMATA, RMLIRPC, BBL, INTUCH, PTA, AJD เข้าพอร์ต ระบุมี Up side สูง ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน
นายรณกฤต สารินวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปัจจัยที่ต้องจับตามองยังคงเป็นเรื่องของนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ขณะที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ คาดว่าจะไม่มีแล้วและจะทำให้ค่าเงินบาทผันผวนได้ง่าย อีกทั้งตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ถือว่าค่อนข้างอิ่มตัว การลงทุนในช่วงนี้แนะนำให้เน้นเก็งกำไรมากกว่าลงทุน ดังนั้นในเดือนตุลาคมกลยุทธ์จึงต้องระมัดระวัง และเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นเด่นเท่านั้น
สำหรับ ปัจจัยต่างประเทศที่กระทบการลงทุนในเดือนต.ค.ประกอบด้วย การยุติโปรแกรมเข้าซื้อพันธบัตรและจับตาทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ โดยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐกำลังบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นมาตลอด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมปรับตัวขึ้น แม้ว่าเฟดจะลดขนาดคิวอี เนื่องจากสภาพคล่องยังคงสูง และตลาดมองที่การออกมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจรอบใหม่ ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในยูโรโซนที่ชะลอ และดัชนีราคาส่งสัญญาณเงินฝืด จึงเป็นตัวเร่งให้
อีซีบี ปรับลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งในเดือน ต.ค. จะเริ่มแผนการใช้ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ โดยคาดว่ามาตรการอัดฉีดเงินรอบนี้น่าจะใช้เงินสูงสุดถึง 500,000 ล้านยูโร ราว 650,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ถ้าออกมาแย่กว่าคาด อาจเป็นปัจจัยลบกดดันภาวะตลาดมากขึ้น นั้นสะท้อนว่าเศรษฐกิจอาจขยายตัวไมได้ตามเป้า
“ปัจจัยที่อาจกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก คือโอกาสที่เกิดการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ยังไม่ได้ปรับฐานเลย นับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์สหรัฐ”นายรณกฤตกล่าว
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ นายรณกฤต กล่าวว่า สัญญาณเศรษฐกิจในประเทศเริ่มออกมาในเชิงบวกมากขึ้น โดยธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงท้ายปี และเติบโตระดับปกติ ในปี 2558 และกระทรวงการคลังพร้อมเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งในช่วงกลางเดือน ต.ค. บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2557 ออกมา โดยเริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์
รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในเดือนต.ค.ว่า เชื่อว่าหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งจากเรื่องของผลประกอบการเติบโต และราคาหุ้นที่ยัง under value จะสามารถทนแรงขายของตลาดได้ อีกทั้งหากมีปัจจัยบวกที่โดดเด่นเป็นรายบริษัทจะยิ่งทำให้หุ้นตัวนั้นอาจปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดที่ผันผวน เราจึงสนใจเลือกหุ้นดังนี้ AMATA,RML,IRPC,BBL, INTUCH,PT และ AJD
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : IR network
คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋) Mobile 080-999-8028 e-mail: [email protected]
คุณอชิรญา ระเบียบนาวีนุรักษ์ (จอย) Mobile 081-685-1118 e-mail: [email protected]