- Details
- Category: บล.
- Published: Friday, 01 November 2019 17:17
- Hits: 3468
ทรีนีตี้ ประเมิน SET Index พ.ย. 62 มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1,540-1,650 จุด ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะเลือกหุ้นรับอานิสงส์ผลประชุม กนง. ที่คาดปรับลดดอกเบี้ยลง ชู TISCO-TCAP-KKP-THANI-AMANAH โดดเด่น
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่าคาดการณ์ SET Index ในเดือนพฤศจิกายน มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ 1,540-1,650 จุด โดยกรอบแนวต้านที่ 1,650 จุดคำนวณจากระดับ Forward PE 15.4 เท่า อิงกับ EPS ปี 2020 ที่ 107 บาท ส่วนกรอบแนวรับที่ 1,540 จุดคำนวณจากระดับ Forward PE 14.4 เท่า อิงกับ EPS ปี 2020 ที่ 107 บาทเช่นกัน ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่น่าติดตามในเดือนนี้มีดังนี้
ปัจจัยบวก 1.Bond yield ทั่วโลกที่น่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป จากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก จะส่งผลให้หุ้นยังคงเป็นตราสารที่น่าสนใจในมิติของ Earning yield gap 2.ความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 6 พ.ย.นี้ (ให้โอกาส 60%) หากเกิดขึ้นจริง จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ PE Expansion ในตลาดได้ กล่าวคือระดับ Forward PE เป้าหมายถูกขยับจาก 15.0 เท่าเป็น 15.4 เท่า และระดับ Forward PE magic number ถูกขยับขึ้นจาก 14.0 เท่าเป็น 14.4 เท่า และ 3.เม็ดเงิน LTF ที่จ่อรอเข้าในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 3 หมื่นล้านบาท
ส่วนปัจจัยลบ ประกอบด้วย 1.แนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ย่ำแย่จนทำให้นักวิเคราะห์ต้องมีการปรับลดประมาณการลงต่อเนื่อง ล่าสุด EPS ปี 2020 เหลือเพียง 107 บาทต่อหุ้นเท่านั้น ส่งผลให้ระดับดัชนีเหมาะสมต้องถูกปรับลดลงโดยอัตโนมัติ 2.การเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-Shares ของจีนในตะกร้าดัชนี MSCI EM ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักหุ้นไทยในตะกร้าลดลง ระวังการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเป็นต้นไป และ 3.ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk) ของไทยที่เพิ่มสูงขึ้นภายหลังสหรัฐฯประกาศตัดสิทธิ GSP สินค้าส่งออกของไทยหลายรายการ
นายณัฐชาต กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์การลงทุนแนะนำถือหุ้นสำหรับนักลงทุนที่สะสมหุ้นไปที่ระดับดัชนี 1,600 จุด เนื่องจากคาดว่าในช่วงต้นเดือน ปัจจัยภายนอกที่เป็นบวกส่วนใหญ่ (Fed, BoJ, Brexit) จะช่วยประคับประคองบรรยากาศการลงทุนให้อยู่ในเกณฑ์ดีได้ อย่างไรก็ดี ในช่วงกลางเดือนวันที่ 16-17 พ.ย. ที่มีการประชุม APEC จำเป็นต้องติดตามความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ถ้าหากออกมาในเชิงลบจนดัชนีฯ ปรับตัวลงมา โดยกรอบดัชนีฯ บริเวณ 1,540-1,550 จุด เป็นจุดที่สามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้อย่างสำคัญ ซึ่งมองหุ้นขนาดใหญ่จะกลับมา Outperform หุ้นขนาดเล็กจากเม็ดเงิน LTF ที่ยังคงจ่อรอเข้าตลาดอีกราว 3 หมื่นล้านบาท ล่าสุด ดัชนี SET50/SET100 ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ สะท้อนว่า YTD Performance ของหุ้นขนาดใหญ่พลิกกลับมานำหน้าหุ้นขนาดเล็กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับธีมการลงทุนแนะนำ 1.หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของกนง.ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นแน่นอนแล้วหลัง Fed มีมติปรับลดดอกเบี้ยล่าสุด อาทิ กลุ่ม Hire purchase (TISCO, TCAP, KKP), กลุ่ม Leasing (S11, THANI, AMANAH) รวมถึงหุ้นปันผลสูง เช่น กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, INTUCH) 2.หุ้นที่คาดว่ามีโอกาสถูกเลื่อนชั้นเข้าสู่ดัชนี MSCI Standard Index ได้แก่ GPSC 3.หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SETTHSI ในรอบถัดไป ได้แก่ AAV, BTS, GGC, GPSC, GULF, ICHI, KTB, KTC, MTC, S, TU
ทั้งนี้หุ้นที่แนะนำหลีกเลี่ยง ได้แก่ CK เนื่องจากประเมินว่าจะหลุดจากดัชนี SETTHSI ในรอบถัดไป จนอาจเผชิญแรงขายของนักลงทุนสถาบันในช่วงปลายปีต่อต้นปีหน้าได้ และหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ TISCO ให้ราคาเป้าหมาย 115 บาท, เข้าซื้อ 96 บาท, ตัดขาดทุน 91 บาท และ S11 ให้ราคาเป้าหมาย 10.6 บาท, เข้าซื้อ 7.1 บาท, ตัดขาดทุน 6.7 บาท
AO11007
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web