- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 09 April 2018 18:25
- Hits: 18692
บล.แอพเพิล เวลธ์ แนะจับตาสงครามการค้าจีน-สหรัฐกดดัน SET เดือนเม.ย.เคลื่อนไหวในกรอบ 1,760 – 1,850 จุด
แนะนำ Selective Buy กลุ่มแบงก์,พลังงาน, อาหาร, ท่องเที่ยว,ค้าปลีก,โรงพยาบาล
บล.แอพเพิล เวลธ์ แนะเกาะติดสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอย่างใกล้ชิด หวั่นกระทบเป็นวงกว้าง กดดัน SET เดือนเม.ย. เคลื่อนไหวในกรอบ 1,760 – 1,850 จุด แต่ยังเชื่อมั่นเทศกาลจ่ายปันผล บจ. เป็นปัจจัยบวกหนุนดัชนีฯ แนะนำ Selective Buy กลุ่มแบงก์ BBL, TISCO กลุ่มพลังงาน&ปิโตรเคมี PTT, PTTEP,PTTGC,IVL กลุ่มส่งออกอาหาร CPF, GFPT, TFG กลุ่มท่องเที่ยว ERW, MINT, CENTEL กลุ่มค้าปลีก ROBINS, GLOBAL และกลุ่มโรงพยายาล BDMS, BCH
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน เม.ย.61 มีแนวโน้มเคลื่อนไหวทรงตัวในกรอบ 1,760 – 1,850 จุด เนื่องจากอยู่ในช่วงหยุดสงกรานต์ ประกอบกับอยู่ระหว่างรอติดตามและประเมินปัจจัยลบจากต่างประเทศ เกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐว่ากระทบในวงกว้างหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าการจ่ายเงินปันผลของ บจ.ต่างๆ จะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนดัชนีฯในเดือน เม.ย. นี้
จากสถิติ 5 ปีย้อนหลังผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยในช่วง เม.ย. มีผลตอบแทน +1.15% จากปัจจัยบวกทางฤดูกาลช่วงจ่ายเงินปันผลของ บจ.ต่าง ๆ และรอประเมินผลประกอบการในช่วง Q1/61 โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกําไรในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีมีโอกาสขยายตัว (QoQ) จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรงตัวเหนือระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล และสเปรดผลิตภัณฑ์ HDPE- Naptha อยู่ที่ 850 เหรียญ/ตัน ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์นั้นสินเชื่อ 2 เดือนยังหดตัว -0.06% YTD แต่ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น BBL, KBANK, SCB สินเชื่อยังขยายตัวได้ดี แต่รายได้ธรรมเนียมมีแนวโน้มแข็งขันสูงขึ้นจากนโยบายฟรีค่าธรรมเนียมโอนออนไลน์ แต่คาดจะกระทบกําไรสุทธิราว 3% แนวโน้มกําไรกลุ่มธนาคาร Q1/61 น่าจะยังขยายตัว (QoQ)
“ช่วงเดือนที่ผ่านมา ผลการประชุม FOMC มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และคงคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐปีนี้ไว้ที่ 3 ครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ผ่อนคลายขึ้น แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับมาผันผวนอีกครั้งจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน ที่อาจจะส่งผลให้การค้าโลกชะลอ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% และปรับคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้สู่ระดับ 4.1% โดยได้แรงหนุนจากภาคส่งออกและท่องเที่ยว ส่วนประเด็นการเมืองยังต้องรอความชัดเจน กรณี สนช. อาจเข้าชื่อยื่นขอตีความ พ.ร.ป.เลือกตั้ง สส. จะกระทบโรดแมปเลือกตั้งหรือไม่”นายอภิชัยกล่าวในที่สุด
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุนในเดือน เม.ย. นี้ แนะนํา Selective Buy กลุ่มธนาคาร BBL, TISCO ได้รับผลกระทบน้อยจากการแข่งขันลดค่าธรรมเนียมโอน กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี PTT, PTTEP,PTTGC,IVL กลุ่มส่งออกอาหาร CPF, GFPT, TFG กลุ่มท่องเที่ยว ERW, MINT, CENTEL กลุ่มค้าปลีก ROBINS, GLOBAL และกลุ่มโรงพยายาล BDMS, BCH