WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRINITYณฐชาต เมฆมาสนบล.ทรีนีตี้มองหุ้นเดือนเมษาซื้อขายแผ่ว ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1750-1850 จุด ยก PTT และ MINT น่าลงทุน

    บล.ทรีนีตี้ให้เป้าดัชนีเดือนเม.ย.เคลื่อนในกรอบ 1,750-1,850 จุด ซื้อขายแผ่วติดหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ จับตาปัจจัยต่างประเทศ สงครามการค้าสหรัฐ-จีน หากป่วนไม่เลิกหวั่นกระทบภาคเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะส่งออกในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ปัจจัยในประเทศให้ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อาจกระทบ Roadmap การเลือกตั้ง รวมไปถึงงบไตรมาส 1/61 ของกลุ่มแบงก์ หากออกมาดีหรือแย่กว่าคาด จะนำไปสู่การประเมิน Valuation ทั้งตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ยก PTT และ MINT เป็นหุ้นน่าซื้อประจำเดือน ให้ราคาเป้าหมายที่ 643 บาท และ 48 บาท ตามลำดับ

     นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนเมษายน 2561 นี้ว่า ดัชนี SET Index น่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1750-1850 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากเป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้ระดับการแกว่งตัวของดัชนีน่าจะอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ

     สำหรับ ประเด็นการลงทุนหลักในเดือนเมษายนนี้ ให้น้ำหนักกับหุ้น 2 กลุ่มสำคัญ กลุ่มแรก คือ กลุ่ม Commodity ทั้งพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดว่าราคาน้ำมันและสเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะยังคงทรงตัวในระดับสูง

    กลุ่มที่สอง คือหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวที่ได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงแข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มโรงแรม และกลุ่มพาณิชย์ ดังนั้น หุ้นแนะนำประจำเดือนเมษายนนี้ ได้แก่ “PTT” และ “MINT” ให้ราคาเป้าหมายที่ 643 บาท และ 48 บาท ตามลำดับ

     สำหรับ ปัจจัยในประเทศมีหลายประเด็นสำคัญต้องจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นการประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เพราะจะเป็นกลุ่มแรกที่แจ้งงบไตรมาส 1/61 หากออกมาดีหรือแย่กว่าคาด จะนำไปสู่การปรับประมาณการกำไรของตลาดได้ ซึ่งล่าสุดประมาณการ EPS ของ SET Index ประจำปี 2561 และ 2562 อยู่ที่ 110.8 บาท และ 121.8 บาท ตามลำดับ

     ส่วนประเด็นการเลือกตั้งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ภายหลังสนช.ตัดสินใจเข้าชื่อส่งร่างประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ หากยุติเพียงเท่านี้ จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก เพราะคาดว่าศาลฯจะใช้เวลาวินิจฉัยไม่เกิน 1 เดือน เว้นแต่จะมีการเข้าชื่อเพื่อยื่นร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ให้กับศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาด้วย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ย่อมส่งผลกระทบต่อแผนการเลือกตั้งแน่นอน ไม่นับรวมกับกระบวนการสรรหากกต.ที่อาจยังมีความไม่แน่นอนอยู่ หากล่าช้าจะส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นไทยได้

      อย่างไรก็ดี ยังคงประเมินภาพ Fund Flow อยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะในตลาดตราสารหนี้ ภายหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแท้จริงของไทยขยับขึ้นมาสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค ทำให้นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อค่าเงินบาท

      สำหรับ ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามในเดือนเมษายนนี้ จะเป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศจีน หากยังเกิดการโต้ตอบระหว่างกัน อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อหลายประเทศรวมถึงเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะผู้ส่งออกสินค้าวัตถุดิบและสิ้นค้าขั้นกลางไปยังประเทศที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ผลต่อตลาดหุ้นนั้นอาจอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากกลุ่มที่ได้รับผลกระทบนั้นไม่ได้มีมูลค่าตลาด (Market cap) อย่างมีนัยสำคัญ

       ส่วนประเด็นเรื่องราคาน้ำมันนั้นคาดว่าจะยังคงสามารถทรงตัวในระดับสูง ตอบรับข่าวซาอุดิอาระเบียเตรียมเสนอขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตไปจนถึงปี 2562 ซึ่งคาดว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท Saudi Aramco ที่อาจต้องเลื่อนออกไปเป็นปี 2562 นั่นเอง ประเมินปัจจัยดังกล่าวจะช่วยประคับประคองกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี รวมถึง SET Index ได้ต่อไป

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!