- Details
- Category: ธปท.
- Published: Monday, 28 November 2016 21:53
- Hits: 12785
ผู้ว่าธปท. เผยศก.ไทยปีนี้ยังโต 3.2% ชี้อยู่ระหว่างประเมินจีดีพีปีหน้าใหม่ หลังคาด Q4/59 ชะลอตัว
ผู้ว่าธปท. เผยเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 4/59 ชะลอตัว หลังมีหลายปัจจัยส่งผลกระทบ แต่ทั้งปีเชื่อยังขยายตัว 3.2% ส่วนปีหน้าอยู่ระหว่างประเมินเ จากเดิมคาดขยายตัว 3.2% ส่วนค่าเงินบาทช่วงนี้ผันผวน แต่อ่อนค่าน้อยกว่าค่าเงินในภูมิภาค หลังตลาดประเมินเฟดขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่มองระบบธนาคาพาณิชย์ไทยยังแข็งแกร่ง แม้ประเมิน NPL ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เหตุมีเงินทุนสำรองสูง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวยอมรับเศรษฐกิจในไตรมาส 4/59 ชะงักลง เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากขึ้น เช่น ปริมาณข้าวที่ออกมาเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาข้าวลดลง การจัดระเบียบนักท่องเที่ยวทัวร์ศูนย์เหรียญกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีนลดลง และประเทศไทยอยู่ในช่วงโศกเศร้า ซึ่ง ธปท.กำลังรวบรวมข้อมูลและติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันภาครัฐได้ออกมามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่น ช้อปช่วยชาติ เพื่อประคองเศรษฐกิจไม่ให้ะลอตัว เพื่อรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่จะออกมาในปีหน้า ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ และการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 อย่างไรก็ตาม ธปท. ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะขยายตัวได้ 3.2% โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาเศรษฐกิจขยายตัวได้ 3.3% ส่วนปี 60 เบื้องต้นธปท.คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.2% เช่นเดียวกัน
สำหรับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐโดยเฉพาะช้อปช่วยชาติเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายการคลัง มีอยู่ 3 มิติ มิติแรกเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของภาครัฐ ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งรัฐจำเป็นต้องใส่มาตรการเข้ามากระตุ้นเพื่อให้ไม่ชะลอตัว มิติที่ 2 คือการเยียวยา สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรที่ลดต่ำลง มองว่ามาตรการที่เยียวยาเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น โดยการแก้ปัญหาระยะยาว ต้องเน้นที่โครงสร้าง มิติที่ 3 คือ การลงทุนเพื่อสร้างการแข่งขันให้ทัดเทียมกับต่างประเทศ
"เศรษฐกิจไตรมาส 4 อาจจะเติบโตน้อยกว่าที่่คาด เพราะปัจจัยลบมีมากขึ้น ทำให้ภาครัฐต้องกระตุ้นด้วยการใส่เม็ดเงินเข้าสู่ระบบ แต่เชื่อว่าจะกระทบแค่ในระยะสั้น เพราะในระยะยาวภาครัฐได้มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากการเบิกจ่ายงบประมาณและโครงการขนาดใหญ่ที่คาดเริ่มเห็นการก่อสร้างในปีหน้า อย่างไรก็ตามธปท. ต้องขอรวบรวมข้อมูล และจะประกาศจีดีพีปีหน้าอย่างเป็นทางการช่วงเดือนธ.ค.นี้"
ค่าเงินบาทที่ผ่านมา ผู้ว่าธปท. ยอมรับว่ามีความผันผวนอยู่ แต่ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าน้อยกว่าในภูมิภาค ซึ่งสะท้อนได้จากโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศยังแข็งแกร่ง แม้ที่ผ่านมาจะมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นหรือพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยตลาดคาดการณ์การประชุมของเฟดช่วงเดือนธ.ค. มีโอกาส 90% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้มีกระแสเงินทุนไหลกลับไปยังสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นในยุโรป เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในประเทศไทยและประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่ธปท. ประเมินว่าไทยจะไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย
สำหรับ ธนาคารพาณิชย์ ผู้ว่า ธปท.ประเมินว่ายังมีความแข็งแกร่งในภาวะเศรษฐกิจผันผวน และเชื่อว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่จะเพิ่มสูงขึ้่นในบางกลุ่ม แต่ธนาคารพาณิชย์ยังมีความแข็งแกร่ง และมีเงินทุนสำรองที่เพียงพอรองรับผลกระทบ และมีกันชนที่่มีเสถียรภาพ เชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะรับมือกับความเสี่ยงที่มีเพิ่มมากขึ้นได้
ส่วนความคืบหน้าเรื่องมาตรฐานธนาคารอาเซียน (QAB) ธปท. ได้มีการทำข้อตกลงเบื้องต้นกับ 2 ประเทศคือ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย และล่าสุดเซ็นสัญญากับเมียนมา โดยมาตรฐานดังกล่าวเป็นการทำข้อตกลงร่วมกันที่จะให้ธนาคารพาณิชย์ไทยไปดำเนินธุรกิจที่ต่างประเทศ และต่างประเทศเข้ามาทำธุรกิจในไทย โดยที่ผ่านมาพบว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยได้มีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสาขา สำนักงานตัวแทนหรือจับมือร่วมกับธนาคารท้องถิ่น ซึ่งในอนาคตพบว่าธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีความน่าสนใจที่จะไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามธปท. ไม่ได้กำหนดจะทำข้อตกลงครบทั้ง 10 ประเทศ และไม่จำเป็นที่่ต้องทำให้ครบ แต่จะพิจารณาจากความต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ไทย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย