- Details
- Category: ธปท.
- Published: Monday, 28 November 2016 21:49
- Hits: 12906
ผู้ว่า ธปท.แนะแบงก์ในอาเซียน ต้องใช้ประโยชน์ฟินเทค ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ-พร้อมรับมือความผันผวนวัฎจักรการเงิน
ผู้ว่าการ ธปท. แนะธนาคารพาณิชย์ในอาเซียน ต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางการเงิน เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาการให้บริการ และพร้อมรับมือกับภาวะความผันผวนของวัฎจักรการเงิน ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อสร้างความยั่งยื่นระยะยาว และต้องร่วมมือเชื่อมโยงทางการเงินในภูมิภาคให้เข็มแข็งมากขึ้น
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาเรื่อง “การเปลี่ยนผ่านบทบาทของภาคการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภูมิภาคอาเซียน ในงาน 21st ASEAN Banking Conference ซึ่งเป็นที่ประชุมของผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยได้กล่าวถึง 5 เรื่องที่ธนาคารพาณิชย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนจะต้องให้ความสาคัญ เพื่อที่จะตอบโจทย์ความท้าทายที่สังคมและเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอาเซียนจะเผชิญในอนาคต ประกอบด้วย
1. ธนาคารพาณิชย์ในกลุ่มประเทศอาเซียนจะต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในเชิงรุกเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาการให้บริการ ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกจะมีอัตราการขยายตัวต่า และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของธนาคารพาณิชย์จากทั้งส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ธนาคารพาณิชย์ต้องอาศัยเทคโนโลยีทางการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินการ การปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ๆ ต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเท่าทัน สามารถก้าวนำ ไม่ใช่ก้าวตามการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางธุรกิจ
อย่างไรก็ดี การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรอบคอบระมัดระวังด้วย เพราะเทคโนโลยีอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทาง cyber เพิ่มขึ้น ภาคการธนาคารในภูมิภาคอาเซียนควรให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือเพื่อเตรียมพร้อมรับภัยจาก cyber มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้มีกระบวนการและเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความเสี่ยงด้าน cyber ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรให้เพียงพอกับความต้องการของอุตสาหกรรม
2. การสร้างภูมิคุ้มกันรับมือกับความผันผวนที่จะมากับวัฏจักรการเงิน (Financial Cycle) ในช่วงเวลาปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนการลงทุนในประเทศอุตสาหกรรมหลักอยู่ในระดับต่าเป็นเวลานาน นักลงทุนมุ่งแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยการลงทุนในตราสารทางการเงินในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ กระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาทำให้ราคาสินทรัพย์และสัดส่วนหนี้สินในภูมิภาคอาเซียนปรับตัวสูงขึ้น ก่อให้เกิดความเปราะบางในภาคการเงิน บทบาทในการสร้างภูมิคุ้มกันต้องมาจากทั้งภาครัฐผู้กำกับดูแลที่ออกกฎเกณฑ์กติกาใหม่ ๆ อย่างเท่าทัน และภาคธนาคารพาณิชย์ที่ต้องตื่นตัวและติดตามความเสี่ยง โดยใช้มุมมองระยะยาว ไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์จากวัฏจักรการเงินในช่วงเวลาสั้น ๆ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนสูงขึ้น (Search for Yield) แบบไม่รอบคอบระมัดระวัง
3. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรและพฤติกรรมหลักของพนักงานให้มีธรรมาภิบาล มีเหตุผล มีความรอบคอบระมัดระวัง และให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว โดยบทเรียนสำคัญที่เราได้รับจากวิกฤตการณ์การเงินหลายครั้งในอดีตคือ การหาประโยชน์จากความเสี่ยงอย่างเกินพอดี เพื่อมุ่งผลประโยชน์ในระยะสั้นแต่ละเลยผลกระทบในระยะยาว เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์การเงิน การปลูกฝังพฤติกรรมและวัฒนธรรมที่เหมาะสมในทุกระดับชั้นขององค์กร ตั้งแต่ระดับคณะกรรมการไปจนถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเป็นเรื่องสำคัญ เพราะวัฒนธรรมองค์กร นอกจากจะมีบทบาทต่อกระบวนการตัดสินใจภายในองค์กร และพฤติกรรมของผู้บริหารแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งจากภายในให้แก่องค์กรด้วย ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าธนาคารพาณิชย์วันนี้อาจจะมีผลประกอบการดี แต่ถ้ามีวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เหมาะสมแล้ว ก็จะเป็นจุดเปราะบางที่สร้างปัญหาในอนาคตได้
4. การดำเนินการตามหลักของการธนาคารที่ยั่งยืน (Sustainable Banking) จะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต เพราะการพัฒนาที่ผ่านมา ได้สร้างปัญหาและผลข้างเคียงหลายด้าน ตั้งแต่ด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม ตลอดจน ความเหลื่อมล้าของทรัพย์สินและโอกาสในสังคม เรื่องการธนาคารที่ยั่งยืนเป็นเรื่องใหม่ของภูมิภาคอาเซียนที่จะต้องให้ความสาคัญเพิ่มขึ้น และจะต้องครอบคลุมหลายมิติ ตั้งแต่การนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า การปล่อยสินเชื่อด้วยความรับผิดชอบต่อผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น (Responsible Lending) ตลอดจนการสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการเงินให้แก่ประชาชน
5. ธนาคารพาณิชย์ในอาเซียนจะต้องร่วมกันสร้างความเชื่อมโยงทางการเงินในภูมิภาคให้เข้มแข็งมากขึ้น สอดคล้องและเท่าทันกับความเชื่อมโยงของการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ทั้งผู้กากับดูแลและธนาคารพาณิชย์ในภูมิภาคอาเซียน จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความเชื่อมโยงของระบบการเงินในหลายมิติ โดยเฉพาะการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการกำหนดโครงสร้างค่าธรรมเนียมในการให้บริการทางการเงินข้ามพรมแดนอย่างเหมาะสม การดำเนินโครงการตามข้อตกลง ASEAN Banking Integration Framework จะต้องได้รับการผลักดันร่วมกันเพื่อให้เกิดผลจริงในทางปฏิบัติ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย