- Details
- Category: ธปท.
- Published: Monday, 01 February 2016 20:22
- Hits: 2202
ธปท.ประเมินจีดีพีปีนี้โต 3.5% พบดุลบัญชีเดินสะพัดปี'58พุ่งสูงสุดประวัติการณ์
แนวหน้า : 'แบงก์ชาติ'ยันไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับต่ำ พร้อมเปิดตัวเลขปี'58 ส่งออกติดลบ 5.6% ดุลการค้าเกินดุล 3.45 หมื่นล้านดอลล์
นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ในขณะนี้ ธปท. ยังมีมุมมองว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ในปีนี้ จะอยู่ที่ 3.5% เนื่องจาก ที่ผ่านมา ธปท.ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ให้จับตาการประกาศตัวเลขของ ธปท. อย่างเป็นทางการ อีกครั้งในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้
ส่วนการส่งออกปี 2558 พบว่าทั้งปีติดลบ 5.6% โดยหดตัวสูงจากผลของราคาที่หดตัวตามราคาน้ำมันดิบ และปริมาณที่หดตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอาเซียน และผลของฐานสูงในระยะเดียวกันของปีก่อน จากการเร่งส่งออก ไปยังตลาดยุโรปก่อนหมดสิทธิพิเศษทางภาษี
นางรุ่ง กล่าวว่า สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐในเดือนธ.ค. 2558 ทำได้ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่ไม่รวมเงินอุดหนุน ขยายตัวสูงถึง 44.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเร่งรัด การลงทุนในโครงการด้านคมนาคมและชลประทาน และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กที่ทำได้ดีต่อเนื่อง
ด้านการบริโภคภาคเอกชนมีทิศทางปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของการใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทน เช่น การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน และหมวดบริการ โดยการบริโภคภาคเอกชนยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงรายได้ ครัวเรือนนอกภาคเกษตรและความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในช่วงต้นปี 2559 อาจแผ่วลงบ้าง เนื่องจากผลดีของปัจจัยชั่วคราวที่หมดลง โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ที่มีการเร่งซื้อไปในช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับสถาบันการเงิน ที่คาดว่าความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จะมีทิศทางลดลงในไตรมาส 1 ของปีนี้
นางรุ่งกล่าวว่า ในปี 2558 ดุลการค้าเกินดุล 34,593 ล้านดอลลาร์ ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 34,839 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยในส่วนที่เกินดุลมา 10,000 ล้านดอลลาร์นั้น เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะตัดราคาน้ำมันออกไป ก็ยังเกินดุลในระดับสูง เนื่องจากปี 2558 ไทยนำเข้าค่อนข้างน้อย ขณะที่การลงทุนยังต่ำ เพราะกำลังการผลิตยังเหลืออยู่มาก
ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2558 ยังติดลบที่ 0.85% จากราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอตัว ลงจากฐานค่าเช่าบ้านที่สูงในปีก่อน และปัจจัยชั่วคราว จากการปรับกลยุทธ์ เพื่อกระตุ้นยอดขายผู้ประกอบการ ในกลุ่มอาหารโทร.สั่ง ส่วนไตรมาส 4 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลงจากไตรมาสก่อน โดยอยู่ที่ ลบ 0.86% และ ทั้งปีติดลบ 0.90% และเงินเฟ้อพื้นฐานไตรมาส 4 อยู่ที่ 0.85%
"เรายังมองว่า ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด และไม่เชื่อว่าเงินเฟ้อพื้นฐานที่อยู่ในระดับต่ำนั้น จะลงไปที่ติดลบเรายังมีมุมมองว่าปี'59 จะยังยืนอยู่ในแดนบวกได้" นางรุ่ง กล่าว
ธปท. เผย ธ.ค.58 เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นต่อเนื่องจากใช้จ่ายในปท.ขับเคลื่อน
นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค.58 ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้รับผลบวกเพิ่มเติมจากปัจจัยชั่วคราว การใช้จ่ายในประเทศยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ทั้งการใช้จ่ายภาครัฐและการบริโภคภาคเอกชนที่ส่วนหนึ่งได้รับผลบวกจากการเร่งซื้อรถยนต์ก่อนการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงก่อนปีใหม่ ทำให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมกระเตื้องขึ้น นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าหดตัวสูงเพระได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนและอาเซียนที่ชะลอลง รวมทั้งราคาสินค้าส่งออกหลายชนิดยังคงปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึงในทุกภาคส่วนส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูงตามมูลค่าการนำเข้าที่หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 4/58 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนตามความสามารถในการเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ ภาคบริการที่ขยายตัวดี และการบริโภคภาคเอกชนที่ทยอยฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้น ราคาพลังงานอยู่ในระดับต่ำ และส่วนหนึ่งได้รับผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพิ่มเติม แต่ยังมีปัจจัยถ่วงจากรายได้เกษตรกรที่ตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวสูงจากผลของราคาสินค้าหลายชนิดที่หดตัวตามราคาน้ำมันในตลาดโลกและปริมาณที่หดตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอาเซียนเป็นหลัก ด้านการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นบ้าง โดยการลงทุนในบางสาขาธุรกิจดีขึ้นตามการลงทุนในภาคโทรคมนาคมและพลังงานทดแทน
นางรุ่ง กล่าวว่า ในปี 58 ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และเป็นส่วนต่างจากการนำเข้าที่ชะลอตัว ซึ่งการที่ดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับสูงก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมอง ทั้งนี้หากตัดผลจากราคาน้ำมันออกไป ยอดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดก็จะลดลงราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ จากที่ในปี 58 ที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอยู่ 34,839 ล้านดอลลาร์
สำหรับ ข้อดีที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูงนั้น ก็จะทำให้ประเทศไทยไม่ถูกจับตามองจากต่างประเทศว่าไทยมีจุดอ่อนในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน ขณะที่ข้อเสียนั้น ถือว่าไม่สะท้อนความเข้มแข็งของกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นการนำเข้าที่น้อย ไม่ได้มาจากการส่งออกที่มาก
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ในปีนี้ มองว่าจะยังเป็นบวกแต่อยู่ในระดับต่ำ และคงไม่เข้าใกล้ระดับ 0% หรือมีอัตราที่ติดลบ ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เนื่องจากการบริโภคยังสามารถขยายตัวได้โดยประชาชนก็ยังไม่ได้ชะลอการบริโภค แม้จะมองว่าราคาสินค้าไม่มีแนวโน้มจะลดต่ำลง
อินโฟเควสท์
