- Details
- Category: ธปท.
- Published: Saturday, 14 November 2015 14:32
- Hits: 2489
ห่วง'ภัยแล้ง'ฉุดพืชเกษตรตกกกร.จ่อประเมินเศรษฐกิจปี 59
ไทยโพสต์ : เพลินจิต * ธปท.ชี้เศรษฐกิจโลก ปีหน้ายังผันผวน แต่ของไทยเริ่ม ได้แรงส่งจากภาครัฐลงทุน เอกชน ห่วงภัยแล้งฉุดสินค้าเกษตรตกต่ำ เผยประชุม กกร.เล็งประเมินตัว เลขจีดีพีปี 59 อีกครั้ง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายในงานสัมมนา "ทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี 2559" ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ค่อนข้างผันผวน เนื่อง จากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมหลักมีแตกต่างกัน โดยเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นยังจำเป็นต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งจะสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินอีกระยะหนึ่ง ส่วนเศรษฐกิจจีนยังมีความเสี่ยงในหลายด้านที่ต้องติดตามใกล้ชิด
สำหรับ เศรษฐกิจไทยเริ่ม เห็นแรงส่งจากปัจจัยภายในประ เทศ จากการดำเนินนโยบายจาก ภาครัฐบาลเพิ่มมากขึ้น มาตรการการคลังต่างๆ ที่ออกมาเพื่อมา เยียวยาเบื้องต้น กระตุ้นเศรษฐกิจ ในต้นปีหน้า โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐ ถ้าเป็นไปได้ตามเป้าหมาย จะทำให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวอาจจะมีการชะลอตัวในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แต่เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเป็นแรงส่งให้กับเศรษฐกิจ เชื่อว่าในปลายนี้และในต้นปีหน้าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประ ธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2559 เชื่อ ว่าจะมีอัตราเติบโตมากกว่าปี 2558 โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนอื่นๆ
ส่วนปัจจัยลบเป็นห่วงว่าปัญหาภัยแล้งในปีหน้าจะเป็นปัญหาหลักที่จะทำให้ราคาสินค้าทางการเกษตรได้รับผล กระทบ ขณะที่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) เชื่อว่าจะทำให้ไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประ ธานสภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทย และหอการค้าไทย กล่าวว่า ในปี 2559 เศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้ง แต่ยังคงมีปัจจัยที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะนโยบายภาครัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ฟื้นตัวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้คณะ กรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถา บัน (กกร.) จะมีการประชุมใน เดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการประเมินเศรษฐกิจในปี 2559 ที่จะค่อยๆ ดีขึ้น จากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐ กิจของรัฐบาลที่ลงสู่ระบบ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตสูงกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 2.5-3%.