- Details
- Category: ธปท.
- Published: Tuesday, 01 July 2014 21:24
- Hits: 3393
ธปท.เผยเศรษฐกิจฟื้นตัว ผ่านจุดต่ำสุดแล้วเริ่มอัดฉีดเงินเข้าระบบออกฤทธิ์
บ้านเมือง : แบงก์ชาติเผยเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เดือน พ.ค. แทบจะยังไม่เห็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง น่าจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจจากผลความเปลี่ยนแปลงชัดเจนในเดือน มิ.ย. ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะติดลบราว 0.5% ตามที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ค.57 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า มาจากการผลิตภาคอุตสาหกรรม การใช้จ่ายภาคเอกชนที่เริ่มมีสัญญาณขยายตัว รวมถึงการส่งออกไปประเทศอุตสาหกรรมหลักปรับตัวดีขึ้น แต่การส่งออกในภาพรวมยังฟื้นตัวได้ช้าจากผลของราคาสินค้าเกษตรและอุปสงค์จากภูมิภาคในเอเชียที่ยังอ่อนแอ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเดือน พ.ค. ได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากการชุมนุมและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน เม.ย.
กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนตามการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายภาคเอกชน โดยเฉพาะการบริโภคที่เริ่มมีสัญญาณขยายตัวจากเดือนก่อนตามการใช้จ่ายในสินค้าไม่คงทน ส่วนหนึ่งเนื่องจากครัวเรือนนอกภาคเกษตรมีรายได้จากการทำงานล่วงเวลาเพิ่มขึ้น แต่หากเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนยังหดตัวร้อยละ 0.3 ตามการใช้จ่ายในสินค้าคงทนที่ยังมีผลของฐานสูงในปีก่อน
สำหรับ การลงทุนภาคเอกชนปรับดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน โดยธุรกิจส่วนใหญ่ยังคงลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต แต่หากเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน หดตัวร้อยละ 2.9 เนื่องจากผู้ประกอบการชะลอการลงทุนใหม่ออกไปเพื่อรอความชัดเจนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและแนวนโยบายภาครัฐ ส่งผลให้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์หดตัวต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว
การส่งออกในภาพรวมฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้าโดยการส่งออกสินค้ามีมูลค่า 19,268 ล้านดอลลาร์ หดตัวร้อยละ 1.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการส่งออกยานยนต์ เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เหล็กและโลหะ ที่อุปสงค์จากประเทศในภูมิภาคเอเชียยังอ่อนแอ รวมถึงการส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปที่ได้รับผลจากราคายางพาราและน้ำตาลที่ลดลง การส่งออกสินค้าในหลายอุตสาหกรรมปรับดีขึ้นตามอุปสงค์จากประเทศอุตสาหกรรมหลัก อาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม
นายดอน กล่าวว่า ในปีนี้หากจะให้การส่งออกเป็นไปตามเป้า 3.5% การส่งออกตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป ต้องมีมูลค่าเฉลี่ย 2 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ภาคการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากสถานการณ์การชุมนุมและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทำให้หลายประเทศเพิ่มระดับการเตือนภัย และส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือนนี้มีจำนวน 1.7 ล้านคน หดตัวร้อยละ 10.7 จากระยะเดียวกันกับปีก่อนตามการลดลงของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะจีนและมาเลเซีย
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นตามราคาพลังงานและอาหารสำเร็จรูป ดุลการค้าเกินดุล ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากการส่งกลับกำไรและเงินปันผลไปต่างประเทศของบริษัทต่างชาติ และรายรับจากการท่องเที่ยวที่ลดลง
"เศรษฐกิจไทย bottom ไปแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว (เม.ย.) โดยภาพรวมเศรษฐกิจในเดือนพ.ค.ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน แม้จะเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ยังถือว่าติดลบ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมตอนนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และในเดือน พ.ค. แทบจะยังไม่เห็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง น่าจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจจากผลความเปลี่ยนแปลงชัดเจนในเดือน มิ.ย."นายดอน กล่าว
นายดอน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/57 น่าจะติดลบราว 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าฟื้นตัวขึ้นจากที่ในไตรมาส 1/57 เศรษฐกิจไทยติดลบ 0.6% ซึ่งจะทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะติดลบราว 0.5% ตามที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้
โดยก่อนหน้านี้ รายงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจไทยปี 57 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาส 1/57 หดตัวมากกว่าคาด แต่มองว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2/57 เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นชัดเจนตั้งแต่ช่วงกลางปีหลังสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง