- Details
- Category: ธปท.
- Published: Friday, 18 September 2015 16:24
- Hits: 3193
ผู้ว่า ธปท. คาดแพ็กเกจกระตุ้น ศก.ของรัฐบาล เห็นผลชัดเจนปีหน้า ไม่กังวลเงินไหลออกหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย
ผู้ว่า ธปท. คาดแพ็กเกจกระตุ้น ศก.ของรัฐบาล เห็นผลชัดเจนปีหน้า ไม่กังวลเงินไหลออกหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย มั่นใจทุนสำรองแกร่ง ต่างชาติยังถือหุ้นระยะยาวมากกว่า 30% พร้อมแจง กนง.คงดอกเบี้ย 1.5% เหตุเป็นระดับที่ประคองเศรษฐกิจได้ดี ไม่กระทบอัตราแลกเปลี่ยน ระบุเงินบาทปัจจุบันเคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวถึง แพ็คเกิจกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า น่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจได้ชัดเจนปีหน้า เพราะต้องใช้เวลาในการส่งผ่าน โดยเฉพาะการส่งผ่านเม็ดเงินสินเชื่อไปยังเอสเอ็มอี ส่วนจะมีผลบวกต่อจีดีพีมากน้อยเพียงใด เป็นเรื่องที่ยังต้องติดตาม
ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด ) หากตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย ผลกระทบต่อไทยจะมีค่อนข้างจำกัดในแง่ของการไหลออกของเงินทุน ซึ่งคงจะไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดการเงิน หรือตลาดทุน เช่น ตราสารหนี้ และตลาดหุ้น
"ปริมาณหนี้ต่างประเทศ ของเราไม่ได้สูงมากเกินไป กลมๆ ก็ 136.8 พันล้านเหรียญฯ หรือ 130,000 ล้านเหรียญฯ เป็นหนี้ที่กู้ยืมเป็นเงินบาท 38 พันล้านเหรียญฯ และเงินตราต่างประเทศ 98.8 พันล้านเหรียญฯ เมื่อเทียบกับทุนสำรองระหว่างประเทศที่ 170 พันล้านเหรียญฯ " นายประสาร กล่าว
ส่วนด้านตราสารที่มีสภาพคล่อง เช่น หุ้น พันธบัตรรัฐบาล หรือเอกชน สัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรของต่างชาติมีแค่ 8% กว่าของมูลค่าตลาดพันธบัตรโดยรวม ส่วนตลาดหุ้นมีต่างชาติถือมากกว่า 30% แต่เป็นลักษณะถือยาว เช่น ลงทุนในหุ้นธนาคารพาณิชย์ หรือในกิจการอุตสาหกรรมต่างๆ ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ถือในระยะสั้น เชื่อว่า การขายหุ้นของต่างชาติจะมีกลไกการกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะการขายในปริมาณมากๆ ก็มักจะได้ราคาไม่ดี
นายประสาร กล่าวถึงการตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ 1.50% ในการประชุมรอบล่าสุดวานนี้ เนื่องจากคณะกรรมการ กนง.เห็นว่า ไม่ต้องการเพิ่มปัจจัยความไม่แน่นอน เข้าไปในตลาดการเงิน นอกจากนี้ ได้พิจารณาแล้วว่า อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทในระดับปัจจุบัน สามารถประคองเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
สำหรับ ค่าเงินบาทในปัจจุบัน ก็เคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค และถ้าเทียบกับเศรษฐกิจกำลังพัฒนา การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอยู่ในระดับกลางๆ ถือว่า มีเสถียรภาพดี และมีความผันผวนน้อย
ทั้งนี้ ไม่กังวลไทยจะถูกปรับลดอันดับเครดิตประเทศ เหมือนบางประเทศที่ถูกปรับลดก่อนหน้านี้ เช่น บราซิล และญี่ปุ่น เนื่องจากไทยมีเงินทุนสำรองที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น ประกอบกับดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้ที่น่าจะเกินดุลประมาณ 2 หมื่นล้านเหรียญ สะท้อนว่าไทยมีการค้าขายมากขึ้น
"คำว่า เครดิตเรตติ้ง หมายถึง ความสามารถของประเทศในการชำระคืนหนี้ ซึ่งความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นของเราไม่ใช่ปัญหา เรามีทุนสำรองมาก เพียงพอชำระหนี้ต่างประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดก็เกินดุล อย่างไรก็ตาม แม้ดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเกินไป เพราะนำเข้าเราหดตัวลงมาก เลยเกินดุลบัญชีฯ แต่ถ้านำเข้าเราโต ส่งออกเราโต ก็จะน่ายินดีมากกว่า " นายประสาร กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย