- Details
- Category: ธปท.
- Published: Wednesday, 18 June 2014 21:55
- Hits: 3961
กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2% คาด GDP ปี 57 โต 1.5% ปี 58 โตกว่า 5%
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2 ตามที่ตลาดคาด พร้อมคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 57 ขยายตัวได้ร้อยละ 3.4-3.5 เฉลี่ยทั้งปีโตร้อยละ 1.5 ขณะที่ปี 58 คาด GDP ขยายตัวกว่าร้อยละ 5
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ กนง. กล่าวว่า คณะกรรมการ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.00 ต่อไป เนื่องจาก ประเมินว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นหลังสถานการณ์การเมืองได้คลี่คลายลง และการบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินการได้ นโยบายการคลังมีบทบาทสนับสนุนเศรษฐกิจมากข้น ขณะที่นโยบายการเงินยังผ่อนคลายเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
สำหรับเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/57 หดตัวจากอุปสงค์ในประเทศและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ในขณะที่การส่งออกสินค้าฟื้นตัวช้าไม่สามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวได้
ในระยะต่อไป คาดว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชนที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้น หลังสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจน แต่ยังมีความเสี่ยงจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่อาจฟื้นตัวช้า ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นบ้าง
ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศหลัก
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ประชุม กนง.ประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้นชัดเจนหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายลง โดยที่ผ่านมาการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปมากจากเดือนมี.ค.ที่ กนง.ประเมินว่า GDP ปีนี้จะโตได้ร้อยละ 2.7 แต่หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1/57 อย่างเป็นทางการซึ่งลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้ กนง.ต้องปรับลดประมาณการ GDP ในปีนี้ลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 1
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.พบว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะเริ่มเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/57 ทำให้คาดว่าทั้งปี GDP จะโตได้ร้อยละ 1.5 ซึ่งธปท.จะแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ 27 มิ.ย.นี้
"GDP ทั้งปีที่คาดว่าจะโตได้ 1.5% นั้นอาจจะดูน้อย แต่เทียบกับครึ่งปีแรกที่โดยรวมแล้วติดลบต่อกัน 2 ไตรมาส โดยคาดว่าครึ่งปีแรก GDP จะขยายตัวติดลบ 0.5% ขณะที่ครึ่งปีหลังคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็วจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาคการคลังที่สามารถกลับมาทำงานได้ปกติ ความชัดเจนเรื่องการดำเนินนโยบายของภาครัฐ และกลไกการบริหารนโยบายเศรษฐกิจด้านต่างๆ ที่สามารถกลับมาดำเนินงานได้เป็นปกติ ทำให้เอกชนมีความเชื่อมั่น ดังนั้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกน่าจะโตได้ 3.4-3.5%" นายไพบูลย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 2 ถือว่าเป็นระดับที่ผ่อนคลายอยู่แล้ว และน่าจะเพียงพอต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า โดยคาดว่าในปี 58 GDP น่าจะขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 5 จากเดิมที่คาดไว้ร้อยละ 4.8
สำหรับ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ นายไพบูลย์ ยอมรับว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะปรับขึ้นบ้างแต่ยังไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังไม่เห็นการส่งผ่านไปยังราคาสินค้าอื่นๆ มากนัก โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานควรอยู่กึ่งกลางของเป้าหมายนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ กนง.ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จึงอาจจะมีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อในประเทศให้ปรับตัวขึ้นบ้าง ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยธปท.สามารถกำกับดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนได้ค่อนข้างดี ทั้งความผันผวนและอยู่ในระดับที่เหมาะสมเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่ภาคธุรกิจ โดยความเคลื่อนไหวทั้งในตลาดหุ้น, ตลาดพันธบัตร และอัตราแลกเปลี่ยนยังมีเสถียรภาพดี
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพื่อสนุบสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในระยะยาว
อินโฟเควสท์
กนง.มีมติเอกฉันท์คง ดบ.นโยบายที่ 2% ตามตลาดฯ คาด พร้อมคาด จีดีพี ปีนี้โต 1.5%
กนง.มีมติเอกฉันท์คง ดบ.นโยบายที่ 2% ตามที่ตลาดฯคาดการณ์ พร้อมคาดจีดีพีปีนี้โต 1.5% ระบุครึ่งปีแรกคาดติดลบ 0.5% ก่อนเป็นบวก 3.4-3.5% ในครึ่งปีหลัง เผยขณะนี้ค่าเงินบาทยังเหมาะสมต่อการฟื้นตัวของ ศก .ขณะที่มองแรงกดดันเงินเฟ้อครึ่งปีหลังสูงขึ้นแต่ไม่น่ากังวล
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 18 มิถุนายน 2557 คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นหลังสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง และการบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินการได้ นโยบายการคลังมีบทบาทสนับสนุนเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะที่นโยบายการเงินยังผ่อนคลายเพียงพอที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย คณะกรรมการฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% ต่อปี
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในระยะยาว
คณะกรรมการเห็นว่า เศรษฐกิจโลกยังคงแนวโน้วฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศหลักโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้จากตลาดแรงงานและภาคที่อยู่อาศัยที่ปรับดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจกลุ่มยุโรปและญี่ปุ่นฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ความเสี่ยงจากภาคการเงินและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนปรับลดลงบ้างในระยะสั้น เศรษฐกิจเอเชียมีแนวโน้มทรงตัว โดยการส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อน ขณะที่อุปสงค์ในประเทศชะลอลง
ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 หดตัวจากอุปสงค์ในประเทศและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ในขณะที่การส่งออกสินค้าฟื้นตัวช้าไม่สามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวได้ในระยะต่อไป คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชนที่มีแนวโน้มปรับดีขึ้น หลังสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจน แต่ยังมีความเสี่ยงจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่อาจฟื้นตัวช้า ด้านแรงกดดันเงินเฟ้อปรับสูงขึ้นบ้าง
โดยการประชุม กนง.ในวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช) เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ กนง.ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในปีนี้ลงเหลือ 1.5% จากเดิมที่คาดไว้โต 2.7% โดยประเมินว่า จีดีพี ในครึ่งปีแรกจะติดลบ 0.5% ก่อนจะกลับมาขยายตัวได้ 3.4-3.5% ในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขประมาณการอย่างเป็นทางการล่าสุดนี้ ยังถือว่าดีกว่าในช่วงก่อนหน้านี้ ที่ธปท.เคยประเมินเป็นการภายในว่า จีดีพีปีนี้จะโตต่ำกว่า 1%
ส่วนในปี 58 กนง.คาดว่า จีดีพีจะขยายตัวได้มากกว่า 5% จากเดิมที่คาดไว้ 4.8% เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ คสช. ซึ่งมีแนวทางและนโยบายต่าง ๆ เป็นปัจจัยบวกส่งผ่านไปยังปี 2558
"หลังจากที่จีดีพีไตรมาส 1 ติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ภายในของ ธปท.ได้ปรับลดประมาณการ ว่าจะต่ำกว่า 1% แต่หลังจากเดือนพฤษภาฯ จนถึงการประชุมครั้งนี้ ประมาณการภาพเศรษฐกิจใหม่ พบว่าเศรษฐกิจมีโอกาสโตได้ค่อนข้างเร็วในครึ่งปีหลัง โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสอง ดังนั้นทั้งปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5%" นายไพบูลย์กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าค่าเงินบาทในขณะนี้ ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน พร้อมกับมองว่าการเคลื่อนย้ายเงินทุนในปัจจุบันมีเสถียรภาพมากขึ้นทั้งในตลาดหุ้นและตลาดการเงิน
ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อยในครึ่งปีหลัง แต่ยังไม่อยู่ในระดับที่น่ากังวล
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย