ธปท.เผย ศก. เดือน มี.ค. 58 ยังอ่อนแอ เหตุบริโภคชะลอตัว คาดส่งออกทั้งปีติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ส่วนจีดีพี Q1/58 คาดโต 3%

     ธปท.เผย ศก. เดือน มี.ค. 58 ยังอ่อนแอจากการบริโภคที่ชะลอตัว คาดส่งออกทั้งปี58  ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3  ส่วนจีดีพี Q1/58 คาดโตใกล้เคียงกับสภาพัฒน์ประเมินไว้ โต 3% เชื่อ ศก. ช่วงไตรมาส2/58 ฟื้นหากรัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ

     นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สะท้อนความเปราะบางของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากการบริโภคภาคครัวเรือนชะลอตัวลง ธุรกิจลดการผลิตและการลงทุนลง ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ปรับฤดูกาลแล้วลดลงในเกือบทุกหมวด

   ส่วนเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/2558 ยังคงอ่อนแอ แม้การใช้จ่ายด้านการลงทุนของภาครัฐจะมีมากขึ้น และภาคการท่องเที่ยวจะขยายตัวดี ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ราคาน้ำมันโลกที่อย่างในระดับต่ำและอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอลงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลง และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง  

    ทั้งนี้ ธปท.ประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไตรมาส 1/2558 จะใกล้เคียงกับที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ที่ประเมินไว้ที่ 3% ส่วนทั้งปีนั้น ธปท.จะมีการปรับประมาณการและประกาศตัวเลขอีกครั้งในวันที่ 10 มิ.ย. 58 ส่วนการส่งออกเบื้องต้นประเมินว่าจะยังติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3

   สำหรับ ภาคการส่งออกในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีมูลค่า 18,766 ล้านดอลลาร์ ติดลบ 4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้งด้านราคาที่หดตัวตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบ และด้านปริมาณที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในทุกตลาดซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว และผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือ GSP ขณะที่ไตรมาสแรกการส่งออกติดลบ 4.3% เช่นเดียวกัน

     ส่วนการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 15,302 ล้านดอลลาร์ หดตัว 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในเดือนนี้มีมูลค่าการนำเข้าทองคำค่อนข้างสูงตามราคาทองคำที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสแรก-7.2 ส่วนดุลการค้าในเดือนมีนาคม 2558 เกินดุล 3,465 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ไตรมาสแรกเกินดุล 7,425 ล้านดอลลาร์ เป็นผลจากมูลค่าการนำเข้าที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ดุลบริการรายได้ และเงินโอน ขาดดุล 1,242 ล้านดอลลาร์ จากการส่งกลับผลประโยชน์จาการลงทุนของบริษัทต่างชาติในไทยเป็นสำคัญ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2,223 ล้านดอลลาร์ ไตรมาสแรกเกินดุล 8,238 ล้านดอลลาร์

     นายดอน กล่าวว่า ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ทั้งนี้ต้องติดตามการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐว่าจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 88% ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในช่วงที่ผ่านมา และหากได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มองว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาภาครัฐเร่งเบิกจ่ายของรัฐบาลขยายตัวได้ 49.5% จากทั้งรายจ่ายประจำและลงทุน

    โดยรายจ่ายประจำที่เบิกได้สูงส่วนใหญ่เป็นเงินอุดหนุนที่ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งยังไม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในทันที ขณะที่รายจ่ายประจำอื่นขยายตัว เช่น การซื้อครุภัณฑ์เพื่อสนับสนุนงายของสถาบันการศึกษา สำหรับรายจ่ายลงทุนรัฐบาลสามารถเบิกจ่ายได้ดีต่อเนื่องจากเดือนก่อน เพราะส่วนใหญ่เป็นการทยอยเบิกจ่ายโครงการลงทุนใหม่ที่หน่วยงานต่างๆได้เร่งก่อหนี้ผูกพันไว้แล้วตั้งแต่ไตรมาสก่อน

      ทั้งนี้ ธปท.ประเมินว่าในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ ภาครัฐจะมีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น โดยการเบิกจ่ายงบลงทุนเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณที่กำหนดให้ส่วนราชการ เตรียมจัดซื้อจัดจ้างได้ก่อนที่ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีจะประกาศใช้ และเร่งก่อหนี้ผูกพันให้ทันภายในเดือนธนวาคม 2557

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย