- Details
- Category: ธปท.
- Published: Friday, 23 May 2014 21:32
- Hits: 4147
'ประสาร'ชี้ พื้นฐานศก.ไทยยังแกร่ง แม้มีรัฐประหาร เชื่อชี้แจงชาวโลกได้ แต่ยอมรับปีนี้จีดีพีโตต่ำ ปัดข่าวติดโผ ครม.
'ประสาร'ชี้ พื้นฐานศก.ไทยยังแกร่ง แม้มีรัฐประหาร เชื่อชี้แจงชาวโลกได้ แต่ยอมรับปีนี้จีดีพีโตต่ำ ขณะที่มองเงินบาทไม่อ่อนค่าถึง 37 บ./ดอลล์ มั่นใจยังมีเสถียรภาพ เผยสถาบันจัดเรทติ้ง ยังยืนยันเครดิตไทย ปัดมีชื่อติดโผ ครม.ใหม่ ตอบไม่ถนัดการเมือง แต่แนะรัฐบาลใหม่ งานแรกต้องหาเงินใช้หนี้ชาวนา ด้าน 'โฆสิต'เชื่อหากแก้ปัญหาความรุนแรง-ไม่สงบของประเทศได้ถาวร ถือเป็นเรื่องดี แต่มอง จีดีพี Q2 ยังไม่ต่างจาก Q1 หวังส่งออกโตทั้งปี5% หนุนจีดีพีโตได้ 2-3%
ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แม้จะมีการประกาศยึดอำนาจการปกครองจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ ครส. นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก แต่สำหรับในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจไทยแล้วนั้น ถือว่าพื้นฐานเศรษฐกิจยังดี มีความเข้มแข็ง เพียงแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศขณะนี้ อาจมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะฉะนั้นปีนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาจะค่อนข้างต่ำ แต่ก็ไม่ถึงกับกระทบต่อเสถียรภาพ
"ตัวเลขปีนี้จะค่อนข้างต่ำ แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อเสถียรภาพ เมื่อดูจากตัวเลขของเราทั้ง อัตราแลกเปลี่ยน ตัวเลขเงินเฟ้อ อันดับเครดิตและฐานะของธนาคารพาณิชย์ ที่ต้องเป็นห่วงก็คือ กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพราะสายป่านสั้น ธุรกิจก็จะได้รับผลกระทบ ขยายกิจการได้น้อย และครัวเรือน ที่รายได้ต่ำ ก่อหนี้ไว้มาก ซึ่งเราก็จะต้องติดตาม ดังนั้นหากพื้นฐานของเราดี เรื่องของความเชื่อมั่นกลับมาดีขึ้น เศรษฐกิจก็จะค่อนข้างดีขึ้น" ดร.ประสาร กล่าว
สำหรับ สถานการณ์การเมืองจากนี้ ก็ต้องติดตามเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ความสามารถของรัฐบาลใหม่ที่จะเริ่มดึงความเชื่อมั่นกลับมา และถ้าความเชื่อมั่นกลับมา เศรษฐกิจไทยก็จะกลับมาได้
ส่วนกรณีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ในสายตาของนักลงทุนต่างชาติที่มักจะต่างกันนั้น ผู้ว่าการธปท. กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ที่ว่าผู้ที่มีอำนาจดำเนินการในตอนนี้ จะชี้แจงว่ามีเหตุผลอะไร สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร และมีแนวทางจากนี้แบบไหน
"จริงๆแล้ว ต้องบอกว่าท่านอดทนมาได้ตั้ง 6 เดือนแล้ว และก็ไม่อยากจะให้เป็นแบบนี้ หลังจากนี้ก็ต้องมาดูว่าประเทศจะกลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างไร ซึ่งก็อยู่ที่สภาพความเป็นจริง เงื่อนไขเวลา และ ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกในประเทศไทย เพียงแต่เราต้องตอบชาวโลกให้ได้ หากไปว่าทำเพราะอยากได้อำนาจแบบนี้ก็เสร็จแน่ๆ แต่ถ้าชี้แจงว่า เมื่อทุกฝ่ายตกลงกันไม่ได้ และมีความจำเป็นต้องทำ ก็ไม่มีอะไรเสีย" ผู้ว่า ธปท. กล่าว
ส่วนการแซงซั่น หรือมาตรการกีดกันทางการค้าจากต่างชาติ จากการทำรัฐประหารนั้น เชื่อว่าอยู่ที่การชี้แจง และรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาด้วย เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือน
ผู้ว่า ธปท.กล่าวด้วยว่า ค่าเงินบาทไม่น่าจะอ่อนค่าไปถึง 37 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่บริษัท มอร์แกน สแตนเลย์ ประเมินไว้ แม้ว่าปัญหาการเมืองในประเทศจะทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่นก็ตาม
"ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะช่วง 1-2 อาทิตย์นี้ เงินดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนค่าอยู่ ส่วนค่าเงินบาทเราอยูที่ประมาณ 32 บาท ก็ดูแล้วยังมีเสถียรภาพพอสมควร และปีนี้มองว่าดุลบัญชีเดินสะพัดก็น่าจะเกินดุลเล็กน้อย ส่วนบัญชีเงินทุนก็ยังดีอยู่" นายประสาร กล่าว
ส่วนเรื่องการปรับลดอันดับเครดิตของประเทศนั้น ยืนยัน ว่าจะยังไม่มีการปรับความน่าเชื่อถือ อย่างเช่นล่าสุด สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแสตนดาร์ดแอนด์พัวร์ หรือ S&P ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย พร้อมกับยังมีมุมมองที่ดีเช่นกัน
ส่วนกรณที่มีรายชื่อติดโผคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น นายประสาร กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว อีกทั้งโดยส่วนตัวแล้วไม่ถนัดเรื่องการเมือง
อย่างไรก็ดี นายประสาร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่ควรจะทำก็คือการคืนเงินให้กับชาวนาก่อน
"เอาข้าวเขามาแล้ว ก็ควรจะเอาเงินไปคืนเขาก่อนเป็นอันดับแรก" ผู้ว่า ธปท. กล่าว
ด้านนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ว่า เรื่องเลวร้ายที่สุดของประเทศไทยคือ ความรุนแรง และความไม่สงบ เพราะฉะนั้นหากเมื่อใดที่มีการแก้ไขความไม่สงบได้อย่างถาวรก็เป็นเรื่องที่ดี
"โดยส่วนตัวแล้ว เรื่องเลวร้ายที่สุดของประเทศก็คือความรุนแรง ความไม่สงบ เพราะฉะนั้นหากเราแกิไขความไม่สงบได้ถาวรก็เป็นเรื่องดี ความไม่สงบที่เกิดขึ้นเป็นปัญหามามากแล้ว"
เขากล่าวว่า ประเทศไทยขณะนี้มีปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้น 2 เรื่อง คือ ปัญหาจากนโยบายประชานิยม ที่มีผลกดดันประเทศพอสมควร และความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งหากมีผู้มีอำนาจเต็มเข้ามาแก้ปัญหาความไม่สงบได้ก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
"ปีก่อนจีดีพี โต 2.9% เป็นเพราะประชานิยมที่สะดุด ทั้งที่การเมืองยังไม่มีอะไร แต่ปีนี้เรามีปัญหาการเมืองด้วย จึงทำให้การเติบโตน้อย"นายโฆสิต กล่าว
สำหรับเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 นั้น คาดว่าคงไม่แตกต่างจากไตรมาสแรก เนื่องจากประเมินว่าจากนโยบายประชานิยมที่ผ่านมา และการเมืองจะทำให้ความต้องการในระเทศ ยังถูกตรึงไว้อีกระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามหากปีนี้ส่งออกของประเทศเติบโตได้ประมาณ 5% ก็มีโอกาสที่จีดีพีน่าจะโตได้ที่ 2-3% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขึ้นกับการส่งออกเป็นหลัก โดยมูลค่าการส่งออกปัจจุบันคิดเป็น 73% ของจีดีพี ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐจากงบประมาณคิดเป็น 17-18% เท่านั้น
'ประสาร'เชื่อเงินบาทไม่อ่อนค่าถึง 37 บ./ดอลล์ มั่นใจยังมีเสถียรภาพ - ยันสถาบันจัดเรทติ้ง ยังยืนยันเครดิตไทย
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทไม่น่าจะอ่อนค่าไปถึง 37 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่บริษัท มอร์แกน สแตนเลย์ ประเมินไว้ แม้ว่าปัญหาการเมืองในประเทศจะทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่นก็ตาม
"ไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะช่วง 1-2 อาทิตย์นี้ เงินดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนค่าอยู่ ส่วนค่าเงินบาทเราอยูที่ประมาณ 32 บาท ก็ดูแล้วยังมีเสถียรภาพพอสมควร และปีนี้มองว่าดุลบัญชีเดินสะพัดก็น่าจะเกินดุลเล็กน้อย ส่วนบัญชีเงินทุนก็ยังดีอยู่" นายประสาร กล่าว
ส่วนเรื่องการปรับลดอันดับเครดิตของประเทศนั้น ยืนยัน ว่าจะยังไม่มีการปรับความน่าเชื่อถือ อย่างเช่นล่าสุด สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแสตนดาร์ดแอนด์พัวร์ หรือ S&P ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย พร้อมกับยังมีมุมมองที่ดีเช่นกัน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย