- Details
- Category: ธปท.
- Published: Friday, 08 February 2019 15:49
- Hits: 4862
กนง.คงดบ.นโยบาย 1.75% ชี้สงครามการค้า -หนี้ครัวเรือนพุ่งกดดันศก.
กนง.เสียงแตก 4:2 คงดอกเบี้ยนโยบาย 1.75% ย้ำเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงหลังส่งออกเจอผลกระทบสงครามการค้า ขณะที่หนี้ครัวเรือนไตรมาส 4/61 พุ่ง พร้อมเฝ้าระวังค่าเงินบาทที่ผันผวนกระทบศก. ระบุหากพบเคลื่อนไหวผิดปกติพร้อมเข้าไปบริหารจัดการ พร้อมเฝ้าระวังตลาดอสังหาฯ - สหกรณ์ ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายยังมีความเหมาะสม
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.มีมติ 4 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ต่อปี โดยเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้น ตามการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง ผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน รวมทั้งผลจากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ชะลอลง
ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด แรงส่งของอุปสงค์ในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามรายได้ครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ แต่ยังมีแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง สำหรับการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทย และโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน
“กนง.จะติดตามความเสี่ยงด้านต่างประเทศ ทั้งจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ส่วนหนี้ครัวเรือนมองว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นในไตรมาส 4 จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมาที่อยู่ที่ 77.8% ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ กนง.มีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ในครั้งนี้ด้วย”นายทิตนันทิ์ กล่าว
สำหรับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้รับแรงกดดันจากราคาพลังงานที่ลดลงและมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากความผันผวนของราคาพลังงานและอาหารสด อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้นตามแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่สูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ คณะกรรมการเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น ผลกระทบจากการขยายตัวของธุรกิจ e-commerce การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ทำให้ต้นทุนการผลิตดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าอดีต
นายทิตนันทิ์ กล่าวว่า ภาวะการเงินที่ผ่านมาอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง สถาบันการเงินทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และภาคเอกชนสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง โดยสินเชื่อขยายตัวทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่ออุปโภคบริโภค
ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบดอลลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเป็นสำคัญ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นในทิศทางเดียวกับสกุลเงินของกลุ่มประเทศเกิดใหม่และสกุลเงินในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม กนง. ยังมองว่า ในระยะข้างหน้า อัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนในต่างประเทศ คณะกรรมการจึงให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
“ค่าเงินในตลาดการเงินโลก มองว่า ในระยะข้างหน้าจะมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ ทั้ง Brexit-สงครามการค้า ซึ่งธปท. จะติดตามเรื่องดังกล่าวใกล้ชิด และหากพบการเคลื่อนไหวที่รุนแรงผิดปกติ ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน ทางการจะเข้าไปบริหารจัดการทันที ”นายทิตนันทิ์ กล่าว
ส่วนระบบการเงินโดยรวมยังมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพการเงินได้ในอนาคต โดยเฉพาะพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ อาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร กนง.เห็นว่ามาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่ได้ดำเนินการไปและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมา จะช่วยดูแลการสะสมความเปราะบางในระบบการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการของตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย การปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ การขยายสินทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมทั้งทิศทางการก่อหนี้ของภาคครัวเรือนและกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร
ทั้งนี้ หากมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้แรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศอาจชะลอลง กนง.เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายยังมีความเหมาะสมในระยะข้างหน้า โดยจะต้องติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย