- Details
- Category: ธปท.
- Published: Saturday, 03 November 2018 21:53
- Hits: 10991
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดจีดีพีปี62 โต 4.5% ฟันธง กนง.ขึ้นดบ.14 พ.ย.นี้
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SCBT เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2562 โดยมีนายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำ เป็นผู้ให้ข้อมูล ว่า คาดปี 2562 จีดีพีไทยจะโต 4.5% เชื่อเลือกตั้งจะกระตุ้นการค้าการลงทุน - หนุนเงินนอกไหลกลับ ดันเรตติ้งไทยขึ้นเหนือ BBB+ ประเมิน กนง.จะขึ้นดบ.ในการประชุม 14 พ.ย.นี้ ก่อนขึ้นอีก 2 ครั้ง ในปีหน้า โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
ในปี 2562 ธนาคารคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทยจะขยายตัวได้ 4.5% โดยมีปัจจัยที่ต้องจับตามองสำหรับประเทศไทย คือ การเลือกตั้งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2562 ซึ่งมองว่าหากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปด้วยดีและการเปลี่ยนรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการค้าการลงทุน สำหรับในปีนี้คงประมาณการจีดีพีจะเติบโตได้ 4.3% เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต และการส่งออกที่ยังไม่มีความแน่นอน
“ไม่ว่า ผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่รัฐบาลใหม่จะต้องดูแลความต่อเนื่องของนโยบายเชิงโครงสร้างต่อไปอีก 2-3 ปี โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานเมกะโปรเจกต์ ที่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ และธนาคารมองว่า ภาพรวมการเมืองที่ดีขึ้น ประกอบกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศไทย ซึ่งน่าจะส่งผลให้ไทยได้รับการปรับขึ้นการจัดอันดับความน่าเชื่อดีขึ้น หลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ BBB+ และยังมองว่า การปรับขึ้นเรตติ้งของไทยนั้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร”นายทิม กล่าว
คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะเริ่มปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรก ในการประชุมกนง.วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 นี้ เนื่องมาจากการส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการประชุมกันยายนที่ผ่านมา และคาดว่า ดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะแตะอยู่ที่ระดับ 2.25% ในสิ้นปี 2562 โดยมองว่า ธปท.จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลังปี 2562 ตามลำดับ
“โอกาสที่ไทยจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐจะมีมากขึ้น และจะส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน หากไทยไม่ตัดสินใจเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม”นายทิม กล่าว
สำหรับ การส่งออกของไทยในปีนี้ ยังคงเป้าการส่งออกของไทยปีนี้เติบโตได้ 8% แม้ว่าในเดือนกันยายนที่ผ่านมาการส่งออกจะติดลบถึง 5% เนื่องจากในช่วงเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาฐานค่อนข้างสูง แต่ในด้านมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ทั้งปีการส่งออกในปีนี้ยังคงเติบโตได้ แต่ในปี 2562 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัว 5%
ธนาคารคาดว่า ในปีนี้ไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 9% และในปีหน้า จะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะลดลงมาอยู่ที่ 7% ของจีดีพี เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง ความเสี่ยงในภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากเหตุการณ์เรือล่อที่ภูเก็ต ส่งผลต่อการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวของจีน และการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะกลาง เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุน
“แม้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน จะมีความเสี่ยงต่อการส่งออก แต่ยังไม่มีผลกระทบต่อไทย โดยการส่งออกที่ชะลอลงช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานเดิมที่อยู่ในระดับสูง และมองว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน จะเป็นประโยชน์กับไทย เพราะผู้ซื้อจะมองหาสินค้ามาทดแทนสินค้าที่ได้รับผลกระทบทางภาษี”นายทิม กล่าว
-ด้านอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ ธนาคารมองว่า อัตราแลกเปลี่ยนของไทยจะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 32.5 บาทต่อดอลลาร์ และในปีหน้าจะอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 33.5 บาทต่อดอลลาร์ ด้านราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้คาดว่าจะมากกว่า 80 ดอลลาร์ ต่อบาเรล และทรงตัวในระดับดังกล่าวในปี 2562
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย