- Details
- Category: ธปท.
- Published: Thursday, 11 September 2014 12:30
- Hits: 3304
ธปท. เผย ต้องติดตามนโยบายภาครัฐซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ ศก.ในช่วงนี้ มากกว่านโยบายการเงิน
ธปท. เผย ต้องติดตามนโยบายภาครัฐซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ ศก.ในช่วงนี้ มากกว่านโยบายการเงิน ชี้บาทอ่อนช่วงนี้ มาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก หลังตลาดรอดูทิศทางดอกเบี้ยเฟด พร้อมคาดการณ์หากปรับขึ้นราคา LPG -NGV จะกระทบเงินเฟ้อแค่ 0.01%
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จากนี้ไปคงต้องติดตามว่ารัฐบาลจะสามารถเดินหน้าตามแผนได้ตามนโยบายที่วางไว้หรือไม่ และการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ จะได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากมองว่าหากสามารถเดินหน้าได้ตามแผนถือเป็นเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้
อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่า ปัจจุบันนโยบายทางการเงินคงไม่ใช่ตัวหลักที่จะเป็นตัวเดินหน้าสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ในปีนี้ คงต้องดูที่การลงทุนภาครัฐมากกว่าว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เนื่องจากหากมีการเดินหน้าการลงทุนภาครัฐจะเป็นตัวช่วยให้ภาคเอกชนเดินหน้าการลงทุนเพิ่มมากขึ้นด้วย
“สิ่งที่เราต้องติดตามคือความชัดเจนของนโยบาย แต่มองว่าทิศทางคงเป็นไปในเชิงบวก เพราะเราคงพุ่งเป้าว่าจะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ในปีหน้ามากกว่า” นายจิรเทพ กล่าว
นายจิรเทพ กล่าวต่อว่า ค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าในช่วงนี้ ยืนยันว่ายังเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลอื่นๆในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่ออกมาดี แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม ส่งผลให้ช่วงนี้ตลาดอยู่ระหว่างการดำเนินนโยบายทางการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกกว่าที่คาดการณ์หรือไม่
ทั้งนี้ ธปท.ระบุว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทในปัจจุบันนั้น ค่าเงินมีความผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่การที่ค่าเงินบาทผันผวนน้อยก็ย่อมมีความเสี่ยง เนื่องจากส่งผลให้ภาคเอกชน และธนาคารพาณิชย์กล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น เพราะเชื่อว่าหากเกิดสถานการณ์ไม่แน่นอน หรือวิกฤติทางการจะเข้ามาช่วยได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงว่าหากสถาบันการเงิน และภาคเอกชนเปิดรับความเสี่ยงมาก หากเกิดวิกฤติจะดูแล และรองรับกับสถานการณ์ได้อย่างไร
“เราก็มีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว ไม่ได้มีประเด็นอะไรใหม่ และต้องเตรียมมาตรการอะไรเป็นพิเศษ ตอนนี้เราคงไม่กล้าคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นเร็วหรือช้า อยากให้รอการตีความภาพรวมในช่วงสัปดาห์หน้าของเฟดว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร แต่สำหรับเรายืนยันว่าเรามีมาตรการดูแลอย่างเหมาะสม โดยไม่มีการกำหนดว่าระดับค่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับใด ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากจนกระทบต่อการเตรียมแผนของภาคเศรษฐกิจ และเราคงไม่เข้าไปกำหนดแนวโน้มว่าค่าเงินบาทควรจะเคลื่อนไหวในทิศทางใด” นายจิรเทพ กล่าว
นอกจากนี้ หากมีการปรับขึ้นราคา LPG และ NGV ตามที่กำหนด คาดว่าจะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน 0.01% แต่ทั้งนี้ คงต้องจับตาดูสิ่งที่จะตามมาด้วย คือ การอุดหนุนราคาพลังงานที่ยังคงเหลืออยู่ ส่งผลให้ ธปท. ประเมินว่าหากมีการปรับขึ้นคงไม่ได้กระทบมากนัก แต่หากมีการปรับขึ้นไปสู่ระดับราคาจริง หรือราคาในตลาดโลกนั้น คงต้องคอยติดตามว่าจะกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อหรือไม่
“ในส่วนของ LPG หรือ ก๊าซหุงตั้มที่มีการทยอยปรับขึ้นไปแล้วนั้น ส่วนใหญ่เป็นการกระทบส่งต่อไปยังอาหารปรุงสำเร็จ แต่ในส่วนการขึ้นพร้อมกันทั้ง LPG และ NGV พร้อมกันแบบทันทีเลยนั้น อาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานให้ขยับขึ้นบ้าง 0.01% ซึ่งไม่คิดว่าเป็นระดับที่มากและน่ากังวล”นายจิรเทพ กล่าว