- Details
- Category: ธปท.
- Published: Friday, 18 May 2018 14:15
- Hits: 2114
กนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี เตรียมอัพเป้าจีดีพีในการประชุมครั้งหน้า
กนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี มองศก.ไทยระยะต่อไปยังโตต่อเนื่อง จากการส่งออก - ท่องเที่ยวเป็นแรงหนุน แต่หนี้ครัวเรือนยังสูงเป็นตัวกดดัน ไม่หวั่นดบ.ต่างชาติเป็นขาขึ้นกระทบนโยบายการเงิน เหตุต้องดูปัจจัยในปท.เป็นหลัก ส่วนเงินบาทคาดทั้งปียังผันผวน พร้อมเตรียมเพิ่มเป้าจีดีพีปีนี้ ในการประชุมเดือนมิ.ย. จากเดิมคาดโต 4.1% เหตุต้องรอดูตัวเลขศก. Q1/61 จากสภาพัฒน์ 21 พ.ค.นี้
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน และในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า กนง.มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ต่อปี โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากปัจจัยด้านต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ยังต้องติดตามความเข้มแข็งของอุปสงค์ในประเทศและอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไป ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง คือ ผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐ มาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าของสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ในการตัดสินนโยบายครั้งนี้ คณะกรรมการ เห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงส่งจากทั้งภาคต่างประเทศและอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้น โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าการจ้างงานมีสัญญาณปรับตัวดี แต่การบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ส่งผลดีต่อรายได้ครัวเรือนและการจ้างงาน ประกอบกับหนี้ภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ที่ยังคงต้องติดตามในระยะต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ในระดับต่ำ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
“ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่จะต้องแก้ไข ส่วนการลงทุนเอกชนเริ่มปรับดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจและยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวต่อเนื่องตามแรงสนับสนุนการลงทุนจากภาครัฐ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ยังมีความเสี่ยงจากการเบิกจ่ายที่อาจล่าช้ากว่าที่ประเมินไว้”นายจาตุรงค์ กล่าว
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปรับตัวสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศและราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งในการประชุมครั้งต่อไป กนง.จะพิจารณาปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ตามราคาอาหารสดอยู่ในระดับต่ำตามผลผลิตที่ออกมากจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสภาพคล่องในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นบ้าง
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้เอกชนยังระดมทุนได้ต่อเนื่อง โดยสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้น ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง แต่เชื่อว่าตลอดทั้งปียังคงผันผวน จากปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้า ขณะที่แนวโน้มที่หลายประเทศเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ยืนยันว่า ไม่ได้กังวลหรือเป็นแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายของธปท. เนื่องจาก การดำเนินนโยบายทางการเงินจะต้องคำนึงในประเทศแต่ละประเทศเป็นหลัก
ทั้งนี้ ในการประชุมกนง.ในครั้งถัดไป คือ 20 มิถุนายนนี้ กนง.จะพิจารณาปรับคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4.1% โดยจะรอดูตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรก ของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้ รวมถึงปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันใหม่ด้วย หลังจากแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น