- Details
- Category: ธปท.
- Published: Monday, 07 May 2018 18:52
- Hits: 6246
ธปท. แจงกระแสโซเชียล ชี้ผลดำเนินงานขาดทุนเป็นไปตามบัญชี เหตุเงินบาทแข็งค่า ยันทุนสำรองยังแกร่งถึง 2.15 แสนล้านดอลล์
ธปท. แจงกระแสโซเชียล เรื่องผลการดำเนินงานขาดทุน เหตุจากเงินบาทแข็งค่าทำให้ขาดทุนจากการตีราคา หรือทางบัญชีเท่านั้น วอนประชาชนอย่าตกใจข่าว ปัจจุบันมีทุนสำรองยังแกร่งถึง 2.15 แสนล้านดอลล์
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวผ่านทาง Social media เกี่ยวกับผลการดำเนินงานของธปท.ว่าขาดทุนนั้น ขอชี้แจงว่า กรณีที่เข้าไปซื้อเงินตราต่างประเทศนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป และไม่ได้เป็นการเก็งกำไรค่าเงิน เพราะหากค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้ ดังนั้น เมื่อธปท. ซื้อเงินตราต่างประเทศแล้ว ก็จะบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศอย่างรอบคอบและคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาว
นอกจากนี้ เงินสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากเงินตราต่างประเทศที่ไหลเข้ามาในประเทศไทยมาก ทั้งจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงต่อเนื่องมาหลายปี และการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ ขณะเดียวกันเมื่อเงินสำรองเข้ามามาก ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น จึงเกิดการขาดทุนจากการตีราคา (valuation loss) หรือ การขาดทุนทางบัญชี และในทางตรงข้าม ถ้าเงินบาทอ่อนค่าลง เงินสำรองฯ ที่ตีมูลค่าเป็นเงินบาทก็จะเพิ่มขึ้น (valuation gain) หรือมีกำไรทางบัญชี
“โดยปกติเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ค่าเงินมีแนวโน้มแข็งขึ้น ธนาคารกลางก็มักจะขาดทุนจากการตีราคา แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ค่าเงินอ่อนค่าลง ส่งผลให้ธนาคารกลางมักจะมีกำไรจากการตีราคา”นางจันทวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธปท. ได้กล่าวในงานบุญประเพณี ผ้าป่า 12 เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา” ซึ่งเป็นโครงการที่หลวงตามหาบัวได้ส่งมอบทองคำให้กับธปท. เพื่อเป็นทุนสำรองเงินตรา หรือ คลังหลวง ทุกปี นับตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปัจจุบัน รวม 23 ครั้ง มีทองคำทั้งสิ้น 1,091 แท่ง น้ำหนักรวม 13.04 ตัน และเงินดอลลาร์ 10.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการมอบทองคำดังกล่าว เป็นไปตามเจตนารมย์ของพ่อแม่ ครูอาจารย์ และคณะศิษยานุศิษย์ และผู้บริจาค เพื่อสมทบไว้ในบัญชีสำรองพิเศษของทุนสำรองเงินตราเพื่อเป็นสมบัติของชาติ
สำหรับ ปัจจุบัน ธปท.มีทุนสำรอง 215,600 ล้านดอลลาร์ จากสิ้นปี 2560 ที่ 240,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.5 เท่า และสูงกว่าหนี้ต่างประเทศทั้งหมด ส่วนการดูแลความมั่นคงด้านต่างประเทศ หรือ ดูมูลค่าของเงินสำรองฯ ต้องดูในรูปเงินตราต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดความเข้าใจผิดเมื่อเห็นผลขาดทุนในงบดุลของธปท.ในรูปเงินบาท และอาจเข้าใจว่าเงินสำรองหาย เมื่อพบว่า สำรองที่แปลงค่าเป็นสกุลเงินบาทลดลงไปมาก ซึ่งจริงๆแล้ว มูลค่าเงินสำรองในรูปเงินบาทจะเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนในแต่ละช่วงเวลา เช่น ถ้าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1 บาทต่อดอลลาร์ เงินสำรองที่ตีราคาเป็นเงินบาทจะลดลง 215,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนจากการตีราคา รวมทั้งส่งผลให้ธปท.ขาดทุนจากการตีราคา แต่ในทางกลับกันหากเงินบาทอ่อนค่า 1 บาท ก็ดูเหมือนว่าเงินสำรองจะเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกัน
“ปกติเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ธปท.มัจะขาดทุนจากการตีราคาของเงินสำรอง ในทางตรงกันข้าม หากเศรษฐกิจไม่ดี ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงธปท.จะมีกำไรจากการตีราคา ซึ่งขอยืนยันว่า ตัวเลขผลการขาดทุนของธนาคารกลางไม่ได้สำคัญเท่ากับมูลค่าของเงินสำรองในรูปเงินตราต่างประเทศที่มีอยู่จริง เพื่อใช้เป็นกันชนรองรับความผันผวนจากเศรษฐกิจโลก” นายวิรไท กล่าว