- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Tuesday, 26 December 2017 15:19
- Hits: 3553
KBANK ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ปี 61 โต 11-15%
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจไพรเวทแบงค์ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ในปี 61 เติบโต 11-15% ซึ่งเป็นระดับการเติบโตที่ธนาคารคาดว่าสามารถทำได้ ในภาวะที่ภาพรวมของการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆยังมีแนวโน้มที่เติบโตได้ในระดับที่ดี ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆให้กับลูกค้าในกลุ่มไพรเวทแบงค์ได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นการเติบโตมาจากฐานรายได้ที่สูงของการเติบโตในปีนี้ที่เติบโต 27% มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 15%
ในปี 61 ธนาคารคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ระดับ 3.6% จาก 3.5% ในปีนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงทรงตัวในระดับที่ไม่น่ากังวล โดยความเสี่ยงที่ต้องจับตาในปีหน้าจะเป็นความเสี่ยงของการเลือกตั้งในอิตาลี การตรวจสอบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ และปัญหาเกาหลีเหนือและเยรูซาเลม
ด้านประเทศกำลังพัฒนาประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเติบโต 4.9% ในปี 61 ซึ่งมีประเทศจีนที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ราว 6.5% แม้ว่าชะลอการขยายตัวลงจากนโยบายของภาครัฐที่เข้มงวดขึ้น แต่ยังเป็นการขยายตัวได้ในระดับสูง ขณะที่อินเดียคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ราว 7.4% เติบโตสูงขึ้นหลังจากการชะลอตัว เพราะการยกเลิกธนบัตรและการปฏิรูปภาษีที่กระทบเศรษฐกิจชั่วคราว
ขณะเดียวกัน มองว่าเศรษฐกิจไทยยังสดใสต่อเนื่อง ประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 61 อยู่ที่ 3.4-4% โดยปัจจัยหนุนมาจากการส่งออกที่ยังมีการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การท่องเที่ยวที่ยังคงมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และการลงทุนโครงการต่างๆของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทย
ด้านมุมมองคำแนะนำการลงทุนให้กับลูกค้าไพรเวทแบงค์นั้น ธนาคารมองว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่มตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังมีความน่าสนใจ และให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้ว ซึ่งเห็นได้จากปีนี้ที่ตลาดหุ้นเกิดให้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 33.9% สูงกว่าตลาดหุ้นพัฒนาแล้วที่ไห้ผลตอบแทนเฉลี่ย 17.6%
อีกทั้ง การลงทุนในปี 61 ธนาคารมองไปถึงการลงทุนในประเภทสินทรัพย์ที่เป็นกึ่งหนี้สินกึ่งทุน เช่น หุ้นบุริมสิทธิ์ และหุ้นกู้อนุพันธ์ ซึ่งมีต้นทุนในการลงทุนที่อยู่ไนระดับต่ำในปัจจุบัน และมีแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่สูง ส่วนการลงทุนในพันธบัตร ธนาคารมองว่าพันธบัตรระยะยาวยังคงมีความน่าสนใจอยู่ เพราะให้อัตราผลตอบแทนที่ดี และเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่สูง โดยธนาคารมีเป้าหมายที่จะให้ลูกค้ากระจายเงินฝากมาเป็นเงินลงทุนเพิ่มมากขึ้นเพื่อทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าการนำเงินฝากไว้ในบัญชี โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนของเงินที่นำไปลงทุนเพิ่มเป็น 80%ภายในปี 62 จากปัจจุบันอยู่ที่ 68% และสัดส่วนเงินฝากจะอยู่ที่ 20% จากปัจจุบันที่ 37%
ในปี 61 ธนาคารยังคงเดินหน้าการนำเสนอนวัตกรรมการลงทุนในหลากหลายมิติ เช่า K-Aloha 2.0 หรือคำแนะนำการลงทุนบนหลักการหักกลบความเสี่ยงที่เพิ่มความง่ายในการกระจายความเสี่ยง โดยเน้นการลงทุนระยะยาว และการนำเงินเข้าลงทุนตลอดเวลา เพื่อสะสมผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับการมีพันธมิตรระดับโลก คือ ลอมบาร์ด โอเดียร์ ที่เข้ามาช่วยยกระดับการบริการให้เทียบเท่าระดับสากล และเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนให้มีความหลากหลายขึ้น ขณะเดียวกันธนาคารจะเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้ทำการฝึกอบรมพัฒนาพนักงานให้มีความสามารถในการสื่อสารภาษาจีน การแปลเอกสารต่างๆเป็นภาษาจีน เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารได้เน้นคุณภาพการบริการมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ปี 60 ลดลง 2% มาอยู่ที่ 7.5 แสนล้านบาท โดยมีจำนวนลูกค้าทั้งสิ้น 10,526 ราย และคาดว่าจากการบริการที่มีคุณภาพของธนาคารจะทำให้มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่า AUM จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากก็ตาม
อินโฟเควสท์