WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS4ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ธ.เกียรตินาคินที่ “A-”  และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ ‘BBB’ แนวโน้ม’Stable’

 

        ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ’A-‘ และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ “A-” และ ‘BBB’ตามลำดับ โดยแนวโน้มยังคง ‘Stable’หรือ ‘คงที่’

       ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นจากการรวมฐานการดำเนินการของธุรกิจตลาดทุนและธุรกิจธนาคารพาณิชย์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการตลาดเฉพาะกลุ่มที่มุ่งเน้นธุรกิจที่สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมเป็นหลัก การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความหลากหลายของรายได้โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่ได้มาจากการให้สินเชื่อ และฐานเงินทุนที่มีความแข็งแกร่งของธนาคารด้วย อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อและเงินรับฝากที่มีขนาดเล็ก และความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัดของธนาคาร

       อันดับเครดิต 'BBB' สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (KK25DA) สะท้อนความเสี่ยงในการด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขการรองรับผลขาดทุนเมื่อธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ตราสารดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ Basel III และเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตราสารประเภทนี้มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่สามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ย และไม่สามารถแปลงสภาพได้ ธนาคารสามารถไถ่ถอนตราสารคืนทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดได้ภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. โดยผู้ถือตราสารประเภทนี้มีสิทธิที่ด้อยกว่าผู้ฝากเงิน และผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคาร ทั้งนี้ ตราสารดังกล่าวสามารถตัดเป็นหนี้สูญได้ ในกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลพิจารณาเห็นว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคาร ภายใต้เงื่อนไขที่ได้ระบุไว้

    แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารเกียรตินาคินจะยังคงสถานะทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจที่มุ่งเน้นรายได้จากค่าธรรมเนียมและจากการมีสถานะเงินทุนที่มีความแข็งแกร่ง อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมากและอย่างต่อเนื่อง หรือคุณภาพพอร์ตสินเชื่อถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ ในสถานะที่อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจากค่าธรรมเนียมอย่างมีนัยสำคัญ หรือในกรณีที่ธนาคารมีความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ

     ธนาคารเกียรตินาคินเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กซึ่งมีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 9 จากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งสิ้น 11 แห่ง โดยธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 1.6% และเงินรับฝาก 1.0% ณ สิ้นปี 2559 ภายหลังการรวมกิจการกับ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) ในปี 2555 ธนาคารและบริษัทย่อยได้จัดระบบสายงานใหม่โดยมีการแบ่งสายงานธุรกิจเป็น 3 สายตามเป้าหมายกลยุทธหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจสินเชื่อ 2. ธุรกิจ Private banking 3. ธุรกิจวาณิชธนกิจ (Investment banking) ธนาคารเกียรตินาคินมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัว โดยมีสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 58.7% และ 41.3% ตามลำดับ ในปี 2559 ในขณะที่รายได้จากธุรกิจสินเชื่อคาดว่าจะยังคงสัดส่วนสูงที่สุดในระยะปานกลาง กลยุทธ์ของธนาคารคือการเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่มุ่งเน้นรายได้จากค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะธุรกิจ Private banking ด้วยการมีฐานลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มผู้ฐานะทางการในระดับสูง ตลอดจนความเชียวชาญในด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน และบูรณาการในด้านการดำเนินธุรกิจทำให้ธนาคารมีสถานะทางการแข่งขันในธุรกิจ Private banking ภายในประเทศที่ดี นอกจากนี้ ธนาคารยังมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจหลักทรัพย์อีกด้วย

    ด้วยการมีต้นทุนเงินทุนที่อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่กว่า ธนาคารจึงดำเนินกลยุทธที่มุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อภายในประเทศประเภทที่ให้ผลตอบแทนสูง โดย ณ สิ้นปี 2559 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของธนาคารมีสัดส่วน 66.3% ของสินเชื่อรวม ซึ่งประมาณ 52% ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสินเชื่อสำหรับรถยนต์มือสอง ธนาคารยังมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและธุรกิจก่อสร้างจำนวนมากในระดับ 15.5% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2559 ด้วย ในขณะที่ธนาคารมีต้นทุนทางเครดิตสูงที่สุดในอุตสาหกรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นลักษณะของสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงนั้น ธนาคารก็มีส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่สูงพอที่จะรองรับต้นทุนทางเครดิตที่สูงด้วยเช่นกัน จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและคุณภาพของสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง ธนาคารได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อลงในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารหดตัวลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 โดย ณ สิ้นปี 2559 สินเชื่อและดอกเบี้ยรับของธนาคารมีจำนวน 177,277 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากปีก่อน

      คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นจากต้นทุนทางเครดิตที่ระดับ 1.7% ในปี 2559 ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 2.8% ในปี 2557 ธนาคารยังคงนโยบายเพิ่มการกันสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างต่อเนื่อง และได้ดำเนินการตามแผนยกระดับมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงทั้งองค์กร ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-performing loan (NPL) Coverage Ratio) ของธนาคารปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 110% ในปี 2559 จาก 80.3% ในปี 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมก็ลดลงเหลือ 5.65% ณ สิ้นปี 2559 จาก 5.85% ณ สิ้นปี 2558 ในขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เริ่มลดลง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและธุรกิจก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้นในปี 2559 ต้นทุนทางเครดิตของธนาคารในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.95% ต่อปีนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยโดยเกิดจากธุรกิจสินเชื่อประเภทที่ให้ผลตอบแทนสูง

     ธนาคารเกียรตินาคินมีสถานะเงินทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐาน Basel-III อยู่ที่ระดับ 18.5% ณ สิ้นปี 2559 เงินกองทุนรวมประกอบด้วยเงินกองทุนชั้นที่ 1 ประมาณ 81% โดยสถานะเงินทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจในช่วง 2-3 ปีในอนาคต จากผลการดำเนินงานในปี 2559 ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ระดับ 2.39% และอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยที่ระดับ 14.26% ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารมีเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวัฏจักรธุรกิจได้

     ความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนของธนาคารมีค่อนข้างจำกัด แม้ว่าการเกื้อหนุนกันระหว่างธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ทำให้ธนาคารสามารถเพิ่มสัดส่วนของบัญชีเงินกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current Account and Savings Account – CASA) ได้ก็ตาม แต่สัดส่วนเงินทุนจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าก็มีเพียง 51.2% ของเงินทุนรวมส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคาร ณ สิ้นปี 2559 เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 73.8% สถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าธนาคารมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการกู้ยืมเป็นอย่างมาก โดยแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมนั้นถือว่าไม่มั่นคงและมีต้นทุนค่อนข้างสูงสำหรับธุรกิจสินเชื่อของธนาคาร อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ระดับ 161.3% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ในระดับสูงที่สุดในอุตสาหกรรมก็เป็นข้อบ่งชี้อีกประการหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าธนาคารยังคงต้องพึ่งพาการกู้ยืมใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการปล่อยสินเชื่อ สภาพคล่องของธนาคารจัดว่าอยู่ในระดับเพียงพอด้วยอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินและรายการระหว่างธนาคารที่ระดับ 37% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

 

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

KK174B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A-

KK17NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560           A-

KK187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 240 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561                                       A-

KK18DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 625 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561               A-

KK18DB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-

KK25DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568            BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

         ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

        บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

      ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!