- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Wednesday, 08 March 2017 19:40
- Hits: 11962
KTC ตั้งเป้ากำไรสุทธิโต 10% หลังรัฐบาลกระตุ้นศก.พร้อมตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโต 15%
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC ตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 60 เติบโต 10% หวังอานิสงส์การกระตุ้นเศรษฐกิจและการอัดฉีดเม็ดเงินจากรัฐบาล พร้อมตั้งเป้ายอดใช้จ่ายบัตรเครดิตเติบโต 15% และเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตอีก 4 แสนใบ
นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานคอร์ปอเรทไฟแนนซ์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ปี 60 บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิเติบโต 10% จากปี 59 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,495 ล้านบาท โดยปัจจัยบวก คือ การกระตุ้นและการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาล โดยเฉพาะการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งการลงทุนภาครัฐจะเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยลบ คือ ความไม่แน่ของเศรษฐกิจสหรัฐถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ การให้บริการอีเพย์เมนท์ หรือ พร้อมเพย์ ซึ่งต้องติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
“2 เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ยังทรงๆ หากเทียบกับไตรมาส 4/59 หรือ เดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เพราะตอนนั้นมีการกระตุ้นการใช้จ่ายทำให้เดือนธ.ค.ตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นทำให้ภาพรวมไตรมาส 1/60 อาจจะทรงๆเท่านั้น แต่ยังเชื่อว่าไตรมาส 2/60 และ ไตรมาส 4/60 จะกลับมาสดใสอีกครั้ง เพราเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ”นายชุติเดช กล่าว
สำหรับ ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15% จากปี 59 โต 13% ในขณะที่ระบบเติบโต 6-8% เท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มจำนวนบัตรเครดิตอีก 4 แสนบัตร จากฐานปัจจุบันอยู่ที่ 2 ล้านบัตร
ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 13-15% จากปี 59 เติบโต 18% โดยบริษัทเห็นถึงกลุ่มลูกค้าสินเชื่อบุคคลเริ่มตรึงตัวทางด้านการเงินทำให้สิ้นปีที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำของผู้สมัครขอสินเชื่อบุคคลเป็น 12,000 บาท/เดือน จากเดิม 10,000 บาท/เดือน
ทางด้านหนี้ที่มิก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบัตรเครดิตปีนี้ จะรักษาให้ใกล้เคียงกับสิ้นปีที่ผ่านมาที่อยู่ 1.35% ในขณะที่ระบบอยู่ที่ 2.9% ส่วน NPL ของสินเชื่อบุคคลปีนี้จะรักษาให้ใกล้เคียงกับสิ้นปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกันที่อยู่ 0.94% จากระบบที่อยู่ 3.14%
ส่วนการตั้งสำรองของบริษัทในปีนี้จะยังสูงต่อไปเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่อย่าง IFRS 9 ที่จะเริ่มใช้ในปี 62 ถึงแม้ว่าในปัจจุบันสัดส่วนสำรองต่อ NPL ของบริษัทจะสูงถึง 472.8% ก็ตาม
ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีก วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดชำระ และ รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยอายุหุ้นกู้ชุดใหม่จะอยู่ที่ 5 ปี และ 7 ปี เพื่อล็อคต้นทุนทางการเงินไว้ หลังจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นทำให้บริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารต้นทุนเงิน โดยจะเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้นเพื่อชะลอผลกระทบของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อต้นทุนเงินให้น้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 16-17 มี.ค. นี้ บริษัทมีแผนที่จะเดินทางไปพบนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่สิงค์โปร์ กับ บล.CLSA (ประเทศไทย) เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันต่างชาติ ในขณะที่ฮ่องกงจะร่วมกับบล.ธนชาต หลังจากนั้นจะโรดโชว์ที่ยุโรป และ อเมริกา โดยบริษัทคาดหวังให้สถาบันต่างชาติถือหุ้น KTC มากขึ้น เนื่องจากบริษัทต้องการให้นักลงทุนถือหุ้นในระยะยาวมากกว่าในระยะสั้น ซึ่งสิ้นปี 59 สถาบันต่างชาติถือหุ้น KTC อยู่ 10.33% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 58 ที่อยู่ 6.12% สถาบันไทยถืออยู่ 67.22% และ บุคคลธรรมดาไทย 22.45%