- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Wednesday, 08 February 2017 12:08
- Hits: 4012
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มองตลาดบ้านปีไก่สดใส ชี้เทรนด์ซื้อบ้านมือสองกำลังมา เปิดยุทธศาสตร์หลัก ทำ segmentation เพื่อคนกู้ได้ดอกเบี้ยที่เหมาะสม ไม่คิดดอกเบี้ยเหมาเข่ง กระตุ้นคนตื่นตัว รีไฟแนนซ์ ดูดอกเบี้ยเป็น ประหยัดดอกเบี้ยได้ล้านละหมื่นต่อปี พร้อมชูโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 3.33% สำหรับบ้านใหม่ และ 3.49% สำหรับบ้านรีไฟแนนซ์
น.ส.อรอนงค์ อุดมก้านตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรายย่อย สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (Ms. OnanongUdomkantong Executive Vice President, Head of Retail Loan Products, CIMB Thai Bank PCL) เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งบ้านมือใหม่ และบ้านมือสอง โดยคาดว่าปีนี้สินเชื่อบ้านทั้งระบบจะอยู่ที่ 5.6 แสนล้านบาท ขณะที่สินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ในปีนี้เติบโตประมาณ 5%
ในส่วนของบ้านมือสองนั้นแม้จะไม่มีข้อมูลในตลาดมากนัก แต่ธนาคารมองว่ามีศักยภาพมาก เนื่องจากพฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่หันมาพิจารณาซื้อบ้านจากทำเลที่ตรงใจโดยไม่เกี่ยงว่าจะต้องเป็นบ้านใหม่เหมือนในอดีต ยุคนี้ลูกค้านิยมซื้อบ้านมือสองแล้วตกแต่งให้สวยงามน่าอยู่ตามความชอบของตัวเองได้
ดังนั้น หนึ่งในยุทธศาสตร์ปีนี้ คือ การบุกตลาดสินเชื่อบ้านมือสอง ซึ่งที่ผ่านมาหาผู้ปล่อยกู้ได้ยาก และอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างแพง แต่ธนาคารจะเข้ามารุกตลาดนี้ เพราะเห็นความต้องการจริงๆ และอยากสนับสนุนให้ผู้ที่อยากมีบ้าน และมีกำลังความสามารถในการผ่อนได้ทำฝันให้เป็นจริง ขณะเดียวกัน ก็จะยังคงเดินหน้าปล่อยกู้ตลาดบ้านใหม่ที่ธนาคารต่างๆแข่งขันนำเสนอสินเชื่ออยู่แล้ว วัตถุประสงค์หลัก คือ การเข้ามาสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้ฝันมีบ้าน
น.ส.อรอนงค์ กล่าวว่า อีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญในปีนี้ คือการจัดทำ segmentation หรือการจัดกลุ่มลูกค้าให้เหมาะสม โดยพิจารณาให้ดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับคุณภาพลูกหนี้ในแต่ละกลุ่ม นับเป็นการปฏิวัติวงการสินเชื่อบ้าน เลิกคิดดอกเบี้ยแบบเหมาเข่ง ลูกค้าควรได้รับดอกเบี้ยตามความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละราย ลูกค้าดีควรได้รับดอกเบี้ยที่ดี
ทั้งนี้ ในเชิงลูกค้า สามารถเริ่มที่ตัวเองก่อนตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มจากการสร้างเครดิตที่ดี มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี เพื่อจะได้รับดอกเบี้ยที่ดีเป็นรางวัลการมีเครดิตที่ดี สุดท้ายแล้ว ลูกค้าจะเป็นคนกำหนด pricing ของตัวเอง
น.ส.อรอนงค์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่ 3 คือ กระตุ้นให้ผู้บริโภค หันมาตื่นตัวเรื่องการ
บริหารเงินกู้ให้ทรงประสิทธิภาพสูงสุด หรือพูดง่ายๆว่า “ดูดอกเบี้ยให้เป็น” โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านที่ลูกค้าควร ทบทวนอัตราดอกเบี้ยอยู่เสมอ พิจารณาทางเลือกที่มีในตลาด แล้วลงมือบริหารต้นทุนด้วยตัวเอง ด้วยการรีไฟแนนซ์สินเชื่อ เพราะโดยธรรมชาติ ลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยต่ำในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งเป็นช่วงที่เงินต้นยังสูง แต่เมื่อกู้ไปได้ระยะหนึ่ง ต้นทุนดอกเบี้ยจะเริ่มขยับขึ้น หากลูกค้าลองเปรียบเทียบทางเลือกดอกเบี้ยที่มีในตลาดและพบต้นทุนที่ลดลง ก็จะช่วยบริหารต้นทุนเงินกู้ให้ได้ประหยัดและคุ้มค่ามากขึ้น
“ยกตัวอย่าง ลูกค้าที่ผ่อนบ้านมานาน 5 ปี ดอกเบี้ยเฉลี่ยน่าจะเกิน 6% ต่อปี ถ้ามารีไฟแนนซ์กับธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ตอนนี้ ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.49% ต่อปี ประหยัดดอกเบี้ยได้กว่า 2% ต่อปี ซึ่งดอกเบี้ยที่ถูกลงทุก 1% จะประหยัดดอกเบี้ยได้ปีละ 1 หมื่นบาทต่อเงินต้น 1 ล้านบาท ถ้าดอกเบี้ยถูกลง 2% ก็ประหยัดได้ 2 หมื่นบาท หรือเทียบเท่ากับมีรายได้เกือบ 2 พันบาทต่อเดือน แต่เราไม่ได้กระตุ้นให้ทุกคนลุกขึ้นมารีไฟแนนซ์ เพราะท้ายที่สุดรีไฟแนนซ์แล้วจะคุ้มไม่คุ้มขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เรากระตุ้นให้ทุกคนตื่นตัว ดูดอกเบี้ยให้เป็น ลุกขึ้นมาใส่ใจบริหารการเงินของตัวเอง” น.ส.อรอนงค์ กล่าว
ด้วยยุทธศาสตร์ข้างต้น จึงเป็นที่มาของโปรแกรมหลักๆ สำหรับลูกค้า ประกอบด้วยสินเชื่อบ้าน Home Loan 4U สำหรับบ้านใหม่และบ้านมือสอง รวมถึงคอนโดมีเนียมจากทุกโครงการ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% นาน 12 เดือน หรือดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก ดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 3.33%สำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้ 30,000 บาท ขึ้นไป หลังจากนั้น MRR-1.75% ตลอดอายุสัญญา และสินเชื่อบ้าน Home Loan 4U สำหรับลูกค้าที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.49% หลังจากนั้น MRR-2.25% ตลอดอายุสัญญา โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อใหม่ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านใหม่และบ้านมือสอง 12,000 ล้านบาทและสินเชื่อรีไฟแนนซ์ 3,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำหรับช่องทางการตลาดของธนาคารในปีนี้ จะหันมาเน้นทำการตลาดแบบ Online Marketing มากขึ้นผ่านช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย ทั้ง LINE และ Facebookรวมถึง เวปไซท์ของธนาคาร เพื่อรองรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมการหาข้อมูลด้วยตัวเองมากขึ้นเพื่อเสาะหาต้นทุนที่ดีกว่า โดยได้ปรับกระบวนการทำงานให้สามารถติดต่อกลับลูกค้าได้ทันทีใน 1 วันทำการ