- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Monday, 26 December 2016 22:00
- Hits: 2325
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 8,300 ล้านบาท บ. บัตรกรุงไทย” ที่ระดับ ‘A+/Stable’
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทอายุไม่เกิน 10 ปีของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A+’ทำให้บริษัทมีวงเงินคงเหลือของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินรวมไม่เกิน 8,300 ล้านบาท ในขณะเดียวกันยังยืนยันอันดับเครดิตองค์กร หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบัน และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินคงเหลือไม่เกิน 3,300 ล้านบาทอายุไม่เกิน 10 ปีของบริษัท ที่ระดับ ‘A+’ ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง’Stable’หรือ ‘คงที่’ อันดับเครดิตสะท้อนถึงการปรับยกระดับจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทบัตรกรุงไทยจากสถานะการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทเองก็ได้รับการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระหว่างปี 2555-กันยายน 2559 ซึ่งส่งผลทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากสภาพการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภคท่ามกลางภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพเครดิตและความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’หรือ’คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและคุณภาพสินทรัพย์เอาไว้ได้ภายใต้มาตรฐานการจัดเก็บและติดตามหนี้สินและการปล่อยสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งรักษาอัตราส่วนโครงสร้างเงินทุน ณ ระดับปัจจุบันเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าธนาคารกรุงไทยจะยังคงให้การสนับสนุนบริษัททั้งในด้านการเงินและการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทมีค่อนข้างจำกัดในระยะ 12-18 เดือนข้างหน้าหลังการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในเดือนมีนาคม 2559 ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นได้หากเกิดปัจจัยที่จะกระทบต่อธุรกิจและผลประกอบการทางการเงินโดยรวมของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เช่น คุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลง รวมถึงระดับของการให้การสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทยหรือสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกรุงไทยเปลี่ยนแปลงไป
ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทบัตรกรุงไทยในสัดส่วน 49.45% โดยบริษัทได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ กล่าวคือ การเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มธนาคารกรุงไทยทำให้บริษัทมีความร่วมมือด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สอดคล้องกับเครือธนาคารกรุงไทย โดยบริษัทยังคงใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาของธนาคารกรุงไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศในการขยายฐานลูกค้า รวมถึงเป็นช่องทางการชำระเงินและให้บริการด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางด้านเงินทุนอย่างต่อเนื่องจากธนาคารอีกด้วย การสนับสนุนดังกล่าวช่วยเสริมสร้างสถานะที่สำคัญของบริษัทภายในเครือธนาคารกรุงไทยซึ่งสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นที่บริษัทจะได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษจากธนาคารกรุงไทยเมื่อบริษัทร้องขอ
หลังจากวิกฤติอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 บริษัทได้ตัดสินใจโอนงานจัดเก็บและติดตามหนี้สินกลับมาบริหารเองทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการจัดเก็บและติดตามหนี้สินตั้งแต่ก่อนที่หนี้ปกติจะกลายเป็นหนี้เสียด้วย ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการจัดเก็บและติดตามหนี้สินดีขึ้นอย่างต่อเนื่องดังเห็นได้จากสินเชื่อค้างชำระ (เกิน 90 วัน) ต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ลดลง (อัตราสินเชื่อค้างชำระ) ทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล บริษัทรายงานอัตราสินเชื่อค้างชำระของบัตรเครดิตที่ระดับ 1.4% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 3.7% สินเชื่อส่วนบุคคลก็มีอัตราสินเชื่อค้างชำระของสินเชื่อส่วนบุคคลที่ระดับ 1% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 3.5%
แม้ว่าอัตราสินเชื่อค้างชำระจะมีแนวโน้มที่ลดลง แต่อัตราหนี้สูญตัดบัญชีของบริษัทกลับเพิ่มขึ้นจาก 7.4% ในปี 2555 มาเป็น 9.4% (ปรับอัตราส่วนเป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2559 ทั้งนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนโยบายการตั้งสำรองที่เข้มงวดมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อค้างชำระที่เพิ่มขึ้นจาก 195% ณ สิ้นปี 2555 มาเป็น 446% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 บริษัทได้เพิ่มค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้สูงขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
ในเดือนพฤษภาคม 2558 บริษัทได้ตัดสินใจมอบหมายให้ บริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายนอกเป็นตัวแทนติดตามหนี้สินที่ค้างชำระทั้งหมด บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 39.6% สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2559 จาก 37.5% ในปี 2557 และ 39.5% ในปี 2558 แม้ว่าการจัดเก็บหนี้สินจะไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทภายนอกที่เป็นตัวแทนติดตามหนี้สินจะสามารถบรรลุอัตราการจัดเก็บหนี้สินในระดับสูง ขณะที่รักษาคุณภาพสูงในการให้บริการและมีระดับต้นทุนที่ควบคุมได้
บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องการมุ่งเน้นด้านการตลาดเชิงรุกและการควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นส่วนใหญ่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ (หลังหักรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุน) ในปี 2556 อยู่ที่ 1,037 ล้านบาท 1,755 ล้านบาทในปี 2557 และ 2,073 ล้านบาทในปี 2558 บริษัทมีผลกำไรเท่ากับ 1,854 ล้านบาทสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.1% (ปรับอัตราส่วนเป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2559 จาก 2.1% ในปี 2556 (หลังหักรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุน) นอกจากนี้ ประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้นตลอดจนนโยบายการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังของบริษัทน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับกำไรนี้ต่อไปได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
จากการที่บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายประกอบกับการสนับสนุนทางการเงินที่ได้รับจากธนาคารกรุงไทยจึงทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องระยะสั้นมิได้เป็นประเด็นที่น่าห่วงมากนัก กล่าวคือ บริษัทมีเงินทุนที่ใช้สนับสนุนสภาพคล่องจากเงินกู้ที่ได้จากสถาบันการเงินหลายแห่งและจากหุ้นกู้ที่มีวันครบกำหนดชำระหนี้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยไม่มียอดเงินกู้จากสถาบันการเงินใดที่มีสัดส่วนสูงมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับยอดเงินกู้โดยรวม บริษัทใช้การกู้ยืมและการออกตราสารหนี้เป็นแหล่งเงินทุนหลัก ส่วนคู่แข่งในกลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าจากการมีฐานเงินฝากเป็นแหล่งเงินทุน อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัทเมื่อประกอบกับอัตราดอกเบี้ยตลาดที่มีแนวโน้มลดลงในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาก็ส่งผลให้ต้นทุนในการระดมทุนของบริษัทปรับตัวลดลงจาก 5% ในปี 2555 เหลือ 3.3% (ปรับอัตราส่วนเป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2559
ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในปี 2555-กันยายน 2559 ส่งผลให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 5.27 เท่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2559 หากบริษัทคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลและการลงทุนในอนาคตที่ระมัดระวัง ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะรักษาส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับนี้ได้ในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม แผนการขยายปริมาณสินเชื่ออาจทำให้บริษัทมีการกู้เงินเพิ่มขึ้นและจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KTC172A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 138 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC174A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC175A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC175B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC177A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC177B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC178A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC178B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC17DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 130 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC17NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC17OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+
KTC182A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
KTC183A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
KTC187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,120 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
KTC188A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
KTC188B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
KTC18NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+
KTC192A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
KTC195A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
KTC198A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
KTC198B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 385 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+
KTC208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
KTC20OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+
KTC212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
KTC215A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
KTC217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
KTC21NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 630 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+
KTC22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+
KTC23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,140 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+
KTC247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+
KTC259A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
KTC25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+
KTC262A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
KTC262B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
KTC269A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
KTC26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,030 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A+
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 8,300 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2570 A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html