- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Thursday, 08 May 2014 22:25
- Hits: 3964
ฟันธงเงินจำนำข้าวได้คืนทัน 31 พ.ค.นี้
บ้านเมือง : นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการคืนเงินในส่วนของเงินทดรองราชการ จำนวน 2 หมื่นล้านบาท ที่นำมาใช้จ่ายหนี้ให้กับเกษตรในโครงการรับจำนำข้าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในหลักการให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน 20,000 ล้านบาท ให้กรมการค้าต่างประเทศ เพื่อขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการ พ.ศ.2547 เพื่อนำไปจ่ายให้แก่ชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 เมื่อได้รับกระแสเงินสดจากกระทรวงการคลังและการระบายข้าวแล้ว ให้กรมการค้าต่างประเทศนำเงินจำนวนดังกล่าว มาชดใช้คืนเงินทดรองราชการต่อไป และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557 โดยให้ชดใช้คืนเงินทดรองราชการ ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2557
ขณะที่เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ได้นำส่งคืนอีกจำนวน 4,675 ล้านบาท รวมได้ส่งคืนเงินทดรองราชการแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 15,409 ล้านบาท คงเหลืออีก 4,591 ล้านบาท ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศคาดว่า จะสามารถนำเงินจำนวนที่เหลือนี้ส่งคืนได้ภายใน 31 พฤษภาคม 2557 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน
พณ.ยันคืนเงินงบกลาง 2 หมื่นลบ.ครบก่อนกำหนด,เคลียร์หนี้ชาวนาหมดต้นปี 58
นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ส่งเงินจากการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลคืนให้กับกระทรวงการคลังแล้วกว่า 15,000 ล้านบาท และภายในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะส่งเงินคืนเพิ่มอีก 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบตามจำนวน 20,000 ล้านบาท ที่ยืมจากงบกลางมาจ่ายค่าข้าวให้กับชาวนา หรือสามารถใช้เงินคืนได้ก่อนกำหนดที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ส่งเงินคืนภายในสิ้นเดือน พ.ค.นี้
"เงินที่ได้จากการระบายข้าว จะเร่งส่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าข้าวชาวนาที่ยังค้างอยู่อีก 90,000 ล้านบาท ซึ่งจะพยายามหาเงินมาจ่ายคืนชาวนาให้ครบภายในสิ้นปีนี้หรือถึงต้นปีหน้า โดยประมาณการจากการขายข้าวได้เงินเฉลี่ยเดือนละ 10,000 ล้านบาท" นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับ การระบายสต๊อกข้าวสารรัฐบาลยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามแผนงาน โดยในช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้ จะนำคณะไปเจรจาขายข้าวในตลาดตะวันออกกลางและตลาดแอฟริกาใน 2-3 ประเทศ โดยเฉพาะตลาดแอฟริกา ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่และนำเข้าข้าวจากไทยประมาณ 60% ของการส่งออกรวม หรือประมาณ 4 ล้านตัน นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆ เช่น อิรัก อิหร่าน ยังมีความสนใจซื้อข้าวไทยเพิ่มเติม
ขณะเดียวกันกรมฯ จะเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลเป็นการทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ปริมาณ 452,000 ตัน คาดว่า การส่งออกข้าวไทยปีนี้ จะได้ปริมาณ 9-10 ล้านตัน มูลค่า 5,000-5,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือสูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เดิมที่ 8.5 ล้านตัน
ส่วนผลการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ยอมยุติโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่เกิดการทุจริตและสร้างความเสียหายให้กับประเทศนั้น นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร กรมฯ จะเดินหน้าขายข้าวในสต๊อกอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบ ทั้งแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) การเปิดประมูลเป็นการทั่วไป และการเปิดให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมาขอซื้อโดยตรง
อินโฟเควสท์