- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Thursday, 21 January 2016 09:39
- Hits: 1804
กรุงศรี รายงานกำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 18.9 พันล้านบาท สำหรับปี 2558 เพิ่มขึ้น 31.6% จากปี 2557
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) วันนี้ได้รายงานผลกำไรสุทธิแข็งแกร่งสำหรับปี 2558 อยู่ที่ 18.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.6% จากปี 2557 โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) สำหรับปี 2558
· การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 28.7% หรือจำนวน 290.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 และเพิ่มขึ้น 5.4% หรือจำนวน 66.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558
· การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 24.9% หรือจำนวน 208.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 และเพิ่มขึ้น 3.3% หรือจำนวน 33.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558
· กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.9 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.6% จากปี 2557
· ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 4.15%
· รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: เพิ่มขึ้น 16.7% จากปี 2557 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืม ค่าธรรมเนียมบริหารความมั่งคั่งและกองทุน และค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมบริการบัตร
· อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับดีขึ้นอยู่ที่ 47.1% จาก 48.5% ในปี 2557 สะท้อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้และประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้นจากการผสานความแข็งแกร่งของกรุงศรีและ MUFG ตลอดจนวินัยในการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย
· สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 2.24% ต่อเงินให้สินเชื่อรวม ลดลงจาก 2.79% ในปี 2557
· อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 140.6%
· อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 13.6%
สินเชื่อขยายตัว 28.7% เพิ่มขึ้นสูงถึง 290.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปี 2558 มีปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 84.6% จากสินเชื่อธุรกิจที่รับโอนจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยขยายตัวครอบคลุมทั้งในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 12% อย่างไรก็ดี สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหดตัว 8.2%
เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 24.9% หรือจำนวน 208.7 พันล้านบาท จากปี 2557 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับโอนเงินฝากจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ และความสำเร็จต่อเนื่องในการระดมเงินฝากผ่านผลิตภัณฑ์ “กรุงศรีมีแต่ได้” เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยพิเศษและ “ออมทรัพย์จัดให้” เงินฝากที่มาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 51.5% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 4.15% ในปี 2558 ทั้งนี้ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ปรับลดลงในปี 2558 สะท้อนสัดส่วนของเงินให้สินเชื่อลูกค้าธุรกิจที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ต้นทุนทางการเงินปรับตัวดีขึ้นมาก
อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งหมดอยู่ที่ 2.24% ลดลงจาก 2.79% ในปี 2557 แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความผันผวน กรุงศรีสามารถบริหารผลการดำเนินงานที่ดี ในปี 2558 ทั้งนี้ หากไม่รวมผลจากการรับโอนสินเชื่อจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 4.7% ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.9 พันล้านบาท สะท้อนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผลของทีมงานกรุงศรีและจากความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจของ BTMU สาขากรุงเทพฯ ที่เสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปี 2558”
“ภายใต้แรงกดดันจากสภาวะทางเศรษฐกิจ กรุงศรีดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ได้สะท้อนให้เห็นได้จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ไม่ได้ปรับลดลง”
นายโกโตะให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคาร “ปี 2559 นับเป็นปีที่มีโอกาสทางธุรกิจสำหรับธนาคาร โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กรุงศรีหวังว่า เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเอื้อต่อการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ภายใต้การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.2% ในปี 2559 กรุงศรีได้ตั้งเป้าการขยายสินเชื่อครอบคลุมในทุกกลุ่มธุรกิจและสูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งภายในและภายนอกประเทศ กรุงศรีจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างรอบคอบระมัดระวัง โดยตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อรวมที่ 5-6% สำหรับปี 2559”
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในไทยมีสินเชื่อรวม 1.303ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.046 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.706 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 166.3 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 13.6% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.0%
เกี่ยวกับกรุงศรี
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และดำเนินธุรกิจมานานกว่า 70 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 673 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 636 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 37 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 26,000 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 6.6 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด) อีกด้วย
กรุงศรี มีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น
เกี่ยวกับ MUFG (มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป)
มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 350 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงาน 1,150 แห่งในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 140,000 คน ซึ่งนำเสนอบริการที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์ แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ ซึ่งรวมทั้งธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ, มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ทรัสต์ แอนด์ แบงก์กิ้ง คอร์เปอเรชั่น (ทรัสต์แบงก์ชั้นนำของญี่ปุ่น) และมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ซิเคียวริตี้ โฮลดิ้ง หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดของโลก” ตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้า เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
BAY เผยปี 58 สินเชื่อโต 28.7% เอ็นพีแอล 2.24% ส่วน Coverate Ratio อยู่ที่ 140.6%
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป(MUFG) วันนี้ได้รายงานผลกำไรสุทธิแข็งแกร่งสำหรับปี 2558 อยู่ที่ 18.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.6% จากปี 2557 โดยปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) สำหรับปี 2558
· การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 28.7% หรือจำนวน 290.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 และเพิ่มขึ้น 5.4% หรือจำนวน 66.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558
· การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 24.9% หรือจำนวน 208.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2557 และเพิ่มขึ้น 3.3% หรือจำนวน 33.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558
· กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.9 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.6% จากปี 2557
· ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 4.15%
· รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: เพิ่มขึ้น 16.7% จากปี 2557 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืม ค่าธรรมเนียมบริหารความมั่งคั่งและกองทุน และค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมบริการบัตร
· อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับดีขึ้นอยู่ที่ 47.1% จาก 48.5% ในปี 2557 สะท้อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้และประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้นจากการผสานความแข็งแกร่งของกรุงศรีและ MUFG ตลอดจนวินัยในการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย
· สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 2.24% ต่อเงินให้สินเชื่อรวม ลดลงจาก 2.79% ในปี 2557
· อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: อยู่ที่ 140.6%
· อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 13.6%
สินเชื่อขยายตัว 28.7% เพิ่มขึ้นสูงถึง 290.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปี 2558 มีปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 84.6% จากสินเชื่อธุรกิจที่รับโอนจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยขยายตัวครอบคลุมทั้งในสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 12% อย่างไรก็ดี สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหดตัว 8.2%
เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 24.9% หรือจำนวน 208.7 พันล้านบาท จากปี 2557 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับโอนเงินฝากจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ และความสำเร็จต่อเนื่องในการระดมเงินฝากผ่านผลิตภัณฑ์ “กรุงศรีมีแต่ได้” เงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยพิเศษและ “ออมทรัพย์จัดให้” เงินฝากที่มาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งนี้ สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ 51.5% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 4.15% ในปี 2558 ทั้งนี้ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ปรับลดลงในปี 2558 สะท้อนสัดส่วนของเงินให้สินเชื่อลูกค้าธุรกิจที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ต้นทุนทางการเงินปรับตัวดีขึ้นมาก
อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งหมดอยู่ที่ 2.24% ลดลงจาก 2.79% ในปี 2557 แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความผันผวน กรุงศรีสามารถบริหารผลการดำเนินงานที่ดี ในปี 2558 ทั้งนี้ หากไม่รวมผลจากการรับโอนสินเชื่อจาก BTMU สาขากรุงเทพฯ เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 4.7% ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.9 พันล้านบาท สะท้อนการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผลของทีมงานกรุงศรีและจากความสำเร็จในการควบรวมธุรกิจของ BTMU สาขากรุงเทพฯ ที่เสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปี 2558”
“ภายใต้แรงกดดันจากสภาวะทางเศรษฐกิจ กรุงศรีดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ได้สะท้อนให้เห็นได้จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ไม่ได้ปรับลดลง”
นายโกโตะให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจโดยรวมของธนาคาร “ปี 2559 นับเป็นปีที่มีโอกาสทางธุรกิจสำหรับธนาคาร โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กรุงศรีหวังว่า เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะเอื้อต่อการขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ภายใต้การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ 3.2% ในปี 2559 กรุงศรีได้ตั้งเป้าการขยายสินเชื่อครอบคลุมในทุกกลุ่มธุรกิจและสูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งภายในและภายนอกประเทศ กรุงศรีจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างรอบคอบระมัดระวัง โดยตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อรวมที่ 5-6% สำหรับปี 2559”
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่เป็นอันดับห้าในไทยมีสินเชื่อรวม 1.303ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.046 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.706 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 166.3 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 13.6% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 12.0%