- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Saturday, 18 July 2015 19:48
- Hits: 7355
ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรก 58 กำไร 23,880 ล้านบาท
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยประกาศผลการดำเนิ
นงานสำหรับงวดแรก ปี 2558 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุ ทธิจำนวน 23,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่ อน 0.89% ผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรก ปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดครึ่งปี
แรก ปี 2557 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 23,880 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากช่ วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 210 ล้านบาท หรือ 0.89% เนื่องจากครึ่งปีแรก ปี 58 นี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้ สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้ นจำนวน 2,020 ล้านบาท หรือ 5.04% โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่ อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.66% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการปรั บลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ ยเพิ่มขึ้นจำนวน 4,672 ล้านบาท หรือ 17.15% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนี ยมและบริการสุทธิ รายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงิ นและตลาดทุน และรายได้สุทธิจากการรับประกั นภัยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในงวดนี้อยู่ที่ระดับ 42.37% ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ
จำนวน 11,479 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 922 ล้านบาท หรือ 7.44% ส่วนใหญ่เกิดจากในไตรมาสนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้ สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจำนวน2,031 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ ยเพิ่มขึ้นจำนวน 1,353 ล้านบาท หรือ 8.85% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนี ยมและบริการสุทธิ และรายได้สุทธิจากการรับประกั นภัยที่เพิ่มขึ้น สำหรับอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที ่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.59% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ(Efficiency ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 42.24% ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2 ปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดี
ยวกันของปี 2557 ธนาคารและบริษัท ย่อยมีกำไรสุทธิ
จำนวน 11,479 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่ อนจำนวน 253 ล้านบาท หรือ 2.16%ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์ รวมจำนวน 2,511,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 36,852 ล้านบาท หรือ 1.49% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้ นของเงินให้สินเชื่อ และเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2557 จำนวน 122,586 ล้านบาท หรือ 5.13% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้ นของรายการระหว่ างธนาคารและตลาดเงิน และเงินให้สินเชื่อ โดยเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่ อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 อยู่ที่ระดับ 2.39% ขณะที่ไตรมาสก่อนและสิ้นปี 2557 อยู่ที่ระดับ 2.26% และ 2.24% ตามลำดับ โดยในครึ่งปีแรก ปี 58 นี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้ สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ยั งคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องกว่าที ่คาดการณ์ไว้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสั ยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุ ณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 อยู่ที่ระดับ 138.13% ขณะที่ไตรมาสก่อนและสิ้นปี 2557 อยู่ที่ระดับ 139.74% และ 141.38% ตามลำดับ นอกจากนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2558 อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่ อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิ จทางการเงินธนาคารกสิ กรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 17.39% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที ่ 1 อยู่ที่ 13.77%
KASIKORNBANK announces the first half of 2015 net profit of Baht 23,880 Million
Mr. Teeranun Srihong, President of KASIKORNBANK, said KASIKORNBANK announced net profit for the first half of 2015 of Baht 23,880 Million, a rise of 0.89% over the same period of 2014.
Operating performance for the first half of 2015 compared with the first half of 2014, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 23,880 Million, a slight rise of Baht 210 Million or 0.89% over the same period of 2014because KBank has set aside higher allowance for impairment loss on loans in this period. However, net interest income increased by Baht 2,020 Million or 5.04%. NIM stood at 3.66%, decreased from the same period of 2014, consistent with the direction of interest rate reduction. Non-interest income also increased by Baht 4,672 Million or 17.15% due to an increase in net fees and service income, revenue from money market and capital market products as well as net insurance premiums. Moreover, other operating expenses increased, resulting in the efficiency ratio in this period that stood at 42.37%.
Operating performance for the second quarter of 2015 compared with the first quarter of 2015, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 11,479 Million, a decrease of Baht 922 Million or 7.44% from the previous quarter mostly because KBank has set aside higher allowance for impairment loss amounting to Baht 2,031 Million in this period, while non-interest income increased by Baht 1,353 Million or 8.85% due to an increase in net fees and service income as well as netinsurance premiums. Net interest margin (NIM) stood at 3.59%. Moreover, other operating expenses increased, resulting in the efficiency ratio in this quarter that stood at 42.24%.
Operating performance for the second quarter of 2015 compared with the same quarter of 2014, KBank and its subsidiaries reported net profit of Baht 11,479 Million, a decrease of Baht 253 Million or 2.16% over the same quarter of 2014.
As of 30 June 2015, KBank and its subsidiaries’ total assets were Baht 2,511,723 Million, rising Baht 36,852 Million or 1.49% over the previous quarter, driven by an increase in loans and rising Baht 122,586 Million or 5.13% over the end of 2014, driven by an increase in interbank and money market items and loans. NPL gross to total loans stood at 2.39% as of 30 June 2015, while at the previous quarter and the end of 2014 this stood at 2.26% and 2.24%, respectively. In this period, KBank has set aside higher allowance for impairment loss on loans to be served as continuous economic slowdown beyond expectation. Coverage ratio as of 30 June 2015 stood at 138.13%, while at the previous quarter and the end of 2014 this stood at 139.74% and 141.38%, respectively. In addition, as of 30 June 2015, KASIKORNBANK FINANCIAL CONGLOMERATE’s Capital Adequacy Ratio (CAR) according to the Basel III Accord was 17.39%, with a Tier-1 Capital ratio of 13.77%.