- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Saturday, 04 July 2015 09:14
- Hits: 3470
KBANK คงเป้าสินเชื่อทั้งปีโต 6% แม้คาดครึ่งปีหลังใกล้เคียงครึ่งแรก,คุม NPL 2.5%
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงเป้าการขยายตัวของสินเชื่อรวมปีนี้ที่ 6% โดยมองว่าในครึ่งปีหลังของปีนี้การขยายตัวของสินเชื่อรวมจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1/58 สินเชื่อรวมของธนาคารขยายตัวราว 2% แม้ว่าธนาคารจะได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้แก่ลูกค้าไปพอสมควรแล้ว แต่ลูกค้าก็ยังไม่มีการเบิกออกไปใช้มากนัก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยยังไม่ดี ทำให้ลูกค้ารายย่อย รวมไปถึงผู้ประกอบการต่างๆ ที่เป็นลูกค้าของธนาคารชะลอการเบิกเงินออกไปใช้จ่าย
นายธีรนันท์ กล่าวว่า ธนาคารมองอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(GDP)ในปีนี้ยังมีโอกาสขยายตัวได้ 3% แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมากทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ โดยธนาคารมองว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเสรษฐกิจในประเทศให้ขยายตัวต่อไปได้ คือ นโยบายการคลัง ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อนำไปใช้ในการลงทุนโครงการต่างๆ ให้เร็วมากกว่านี้ เพื่อช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและครัวเรือนให้กลับมาฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งยังเป็นการทำให้เงินนั้นไหลเข้าระบบมากขึ้น จากปัจจุบันที่คนไม่มีความมั่นใจในการใช้จ่าย ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลง
นอกจากนั้น ภาครัฐควรมีการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น โดยเน้นกลุ่มคนชั้นกลางและระดับบนที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ มากกว่าไปเน้นกลุ่มคนชนล่างที่กำลังซื้อลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ซึ่งภาครัฐอาจนำนโยบายต่างๆ เช่น มาตรการทางด้านภาษีมาใช้เพื่อกระตุ้นการบริโภคให้เพิ่มขึ้น ส่วนนโยบายการเงินนั้นได้ใช้ไปมากแล้วและมองว่ามีข้อจำกัดค่อนข้างมาก
นายธีรนันท์ กล่าวอีกว่า ธนาคารยังเชื่อมั่นว่าดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย (NPL)ในปีนี้ให้อยู่ในสัดส่วนไม่เกิน 2.5% ของสินเชื่อรวม แม้ว่ากลุ่มุรกิจ SMEs และลูกค้ารายย่อยบางรายอาจมีปัญหาในการชำระหนี้บ้าง จากภ่าวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นมากนัก แต่ธนาคารก็ยังมีการติดตามและควบคุมหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนปัญหาของกรีซที่มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้และออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป(อียู)นั้น นายธีรนันท์ มองว่า มีความเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชียไม่มากนัก เห็นได้จากวานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ อีกทั้งไม่ได้เกิดผลกระทบทำให้มีกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไปอีกมากนัก เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายออกไปมากแล้ว ส่วนนักลงทุนต่างชาติที่ยังถือครองหุ้นอยู่ก็ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ของกรีซว่าหากเอาเงินออกไปแล้วจะเข้าไปลงทุนตลาดในประเทศใดดี
อินโฟเควสท์