- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Tuesday, 19 May 2015 21:58
- Hits: 2179
สมาคมธนาคารไทยจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เพื่อสร้างระบบธนาคารที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว และร่วมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์เอสเอ็มอีล่าสุด
สมาคมธนาคารไทย เปิดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จาก 30% เป็น 60-70% ภายในปี 63
สมาคมธนาคารไทยกำหนดทิศทางแผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมธนาคารระยะ 5 ปี ครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่ การสร้างระบบชำระเงินและธนาคารดิจิทัล การสร้างสังคมทางการเงินผ่านการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้วยจรรยาบรรณธนาคารและการให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน การสนับสนุนการทำธุรกรรมการเงินในภูมิภาค การเข้าถึงบริการทางการเงินทุกภาคส่วน และการผลักดันแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่มุ่งเน้นการสร้างระบบธนาคารที่มีประสิทธิภาพสูงในระยะยาว อันจะส่งผลต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจากความร่วมมือจากธนาคารสมาชิกทั้งหมด พร้อมสรุปภาวะสินเชื่อของธุรกิจเอสเอ็มอีในปัจจุบัน และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมแถลงข่าวกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารสมาชิกและผู้แทน รวม 15 ธนาคาร ในวันนี้ ถึงผลสรุปความร่วมมือของทุกธนาคารในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ฯของสมาคม ทั้ง 5 ด้าน ได้แก่
สร้างระบบชำระเงินและธนาคารดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
จากการประเมินเบื้องต้น เศรษฐกิจไทยมีต้นทุนในการบริหารจัดการเงินสดอยู่ไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.8% ของจีดีพี ดังนั้นการเสริมสร้างระบบการเงินดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมธนาคารไทยและเศรษฐกิจไทยได้ โดยสมาคมฯ จะเร่งดำเนินการตามมาตรการที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน (Payment System Roadmap) ตามนโยบายของคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้จัดตั้ง สำนักงานระบบชำระเงิน (Payment System Office) ขึ้นเพื่อขับเคลื่อนแผนกลยุทธ์ดังกล่าว รวมทั้งพัฒนาระบบชำระเงินให้มั่นคง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากอัตรา 30% ของการชำระเงินทั้งหมดในปัจจุบัน เป็น 60-70% ภายในปี 2563
ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานด้วยจรรยาบรรณธนาคาร (Code of Conduct)ให้บูรณาการและทันสมัยมากขึ้น
สมาคมฯจะจัดให้มี คณะกรรมการจรรยาบรรณธนาคาร (Code of Conduct Board) โดยคณะกรรมการนี้จะรับผิดชอบจัดทำจรรยาบรรณธนาคารที่มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้พนักงานของธนาคารสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
ส่งเสริมความรู้ด้านการเงินของประชาชน
สมาคมฯให้ความสำคัญกับการเพิ่มบทบาทของธนาคารในการให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน โดยจะขับเคลื่อนบทบาทดังกล่าวออกไปสู่ในระดับภูมิภาค ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดผ่านเครือข่ายธนาคารสมาชิกที่มีรวมกันมากกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ และจะดำเนินการในรูปแบบโครงการร่วมกับโรงเรียนและชุมชนในแต่ละพื้นที่เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของภาคประชาชนในวงกว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
สนับสนุนการทำธุรกรรมการเงินกับประเทศในภูมิภาค
ในด้านการมีบทบาทสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจเอสเอ็มอี ทางสมาคมฯ เห็นว่าควรเร่งรัดให้มีการสนับสนุนการจัดตั้งและเชื่อมต่อระบบชำระเงินในประเทศเข้ากับระบบในเศรษฐกิจเพื่อนบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสการทำธุรกิจในประชาคมเศรษฐกิจ (ASEAN Economic Community - AEC) โดยเฉพาะ เพื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงตลาดในประเทศเพื่อนบ้านที่เศรษฐกิจยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในระดับที่สูง โดยจะสนับสนุนให้ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) เข้าไปมีบทบาทให้คำปรึกษาและร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินและระบบการโอนเงินระหว่างธนาคารของประเทศเพื่อนบ้านให้เข้าสู่ระดับมาตรฐานสากลและสามารถเชื่อมโยงระบบเข้ากับระบบชำระเงินของเอเชีย (Asian Payment Network) ได้ในที่สุด
การหารือร่วมกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและคณะเกี่ยวกับสถานการณ์เอสเอ็มอีไทยล่าสุด
ในที่ประชุมของสมาคมฯในวันนี้ยังได้มีข้อสรุปร่วมกันเบื้องต้น ถึงสถานกรณ์ล่าสุดของธุรกิจเอสเอ็มอี ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายในประเทศพร้อมๆกันในขณะนี้
ข้อสรุปดังกล่าวขึ้นภายหลังจากที่นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เดินทางเข้าร่วมหารือกับสมาคมธนาคารไทยในวันนี้ ถึงภาวะสินเชื่อของธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า โดยทั้งสองฝ่าย มีความเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ฟื้นตัวช้าอาจส่งผลให้ธนาคารมีความเสี่ยงสูงขึ้น ดังที่เห็นได้จากแนวโน้มการผิดนัดชำระหนี้ที่มีสูงขึ้นเช่นกัน แต่ยังอยู่ในระดับธนาคารพาณิชย์บริหารจัดการได้ด้วยเงินสำรองที่อยู่ในระดับที่สูง และธนาคารพาณิชย์ก็ได้มีการดูแลและติดตามบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของสินเชื่อเอสเอ็มอีเริ่มมีสัญญาณเร่งตัวขึ้นที่ 4.5% ในไตรมาส 1 ปี 2558 หลังจากที่ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2557
นายบุญทักษ์ กล่าวว่า “การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้มีความเสี่ยงที่บริหารจัดการมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ธนาคารพาณิชย์สามารถบริหารจัดการได้ ทั้งนี้ การสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีประสิทธิภาพ คือผ่านช่องทางของธนาคารพาณิชย์ เพราะมีสาขากว่า 7,000 สาขาทั่วประเทศ ครอบคลุมลูกค้าเอสเอ็มอีถึง 1 ล้านรายและเป็นยอดสินเชื่อกว่า 4 ล้านล้านบาท”
ทั้งนี้ ภายหลังการหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทยได้แสดงจุดยืนร่วมกันถึงการสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างเต็มที่ โดยทางธนาคารพาณิชย์พร้อมที่จะเข้าดูแลธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพให้มีสภาพคล่องอย่างเพียงพอแก่การดำเนินธุรกิจต่อไป เพราะการเข้าถึงบริการทางการเงินที่มากขึ้น นับเป็นพันธกิจหลักด้านหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ฯ 5 ปี