WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ธนาคารทหารไทย ไตรมาสที่ 1/2558 ทีเอ็มบีมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 38% เทียบกับไตรมาสที่ 1/2557 และกำไรสุทธิ 1,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2%

     ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ ไตรมาสที่ 1 ปี 2558 โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากผลการดำเนินงานหลักก่อนสำรองจำนวน 4,320 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการขยายตัวของทั้งรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองเพื่อความระมัดระวังจำนวน 2,387 ล้านบาท ทำให้มีผลกำไรสุทธิจำนวน 1,638 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2557

    นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีเอ็มบี กล่าวว่า “ในไตรมาส 1 ปี 2558 นี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อคุณภาพ (Performing Loans)  ได้ 1.5% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง ในขณะที่เงินฝากเพิ่มขึ้น 1.8% จากสิ้นปีที่แล้ว ซึ่งธนาคารยังคงให้ความสำคัญของการเป็นธนาคารที่มีเงินฝากเพื่อการทำธุรกรรมที่ดีที่สุด (Transactional banking excellence) โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้เปิดตัวผลิตภัณท์ 'TMB All Free'ซึ่งเป็นผลิตภัณท์ที่เพิ่มความชัดเจนของสิทธิประโยชน์การทำธุรกรรมของลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการใช้บริการของทีเอ็มบีอย่างเต็มที่”

      “กำไรจากการดำเนินงานขยายตัวได้ดี โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว จากการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin) ที่เพิ่มขึ้นจาก 2.85% เป็น 3.13% ซึ่งเป็นผลจากการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดีประกอบกับการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อคุณภาพ ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัว 26% โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมเป็นหลัก ทำให้รายได้รวมของธนาคารเพิ่มขึ้น 17% ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง 5% จากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองเพิ่มขึ้น 38% เป็นจำนวน 4,320 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการรองรับความเสี่ยงและระมัดระวังในสภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนและคงความมั่นคงของสถานะการเงิน ธนาคารจึงตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 2,387 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ทำให้กำไรสุทธิมีจำนวน 1,638 ล้านบาท”

     ในไตรมาสนี้ สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน19,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,097 ล้านบาทเทียบกับเมื่อสิ้นปีที่แล้ว  ทำให้สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.8% มาอยู่ที่ 3.0% ขณะที่ธนาคารยังคงความแข็งแกร่งของสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่ 150%

     ทั้งนี้ ธนาคารยังคงดำรงระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III ที่สูงที่อัตรา 17.8% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 10.9% ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6% ตามลำดับ

     นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังมีความระมัดระวังรวมทั้งให้ความสำคัญในการรักษาคุณภาพสินทรัพย์และสัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพให้อยู่ในระดับสูง เพื่อความมั่นคงและการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป รวมทั้งธนาคารยังคงมุ่งมั่นที่ส่งมอบบริการที่ให้ประโยชน์อย่างแท้จริงของการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

makeTHEdifference.org           facebook.com/TMB

สื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร  ทีเอ็มบี                                                              โทร. 02 299 1950, 1953, 02 242 3260/ 089 967 1411

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!