WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

LHBANK ยืนยังไม่สรุปพันธมิตรเสริมแกร่ง ตั้งเป้าปี 58 สินเชื่อโต 10-15% คุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2%

      นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ บมจ.บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHBANK) หรือ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ เปิดเผยว่า ธนาคารยืนยันว่ายังไม่ทราบเรื่องที่มีรายงานข่าวว่าเครือซีพีกรุ๊ปจะสรุปดีลการเข้ามาถือหุ้น LHBANK ในสัดส่วน 51% ช่วงเดือน มี.ค.นี้

     อย่างไรก็ตาม ธนาคารยอมรับว่าอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2-3 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากพันธมิตรแต่ละรายต่างก็มีอุปสรรคในการตัดสินใจบางประการ ทำให้การเจรจายังไม่คืบหน้าถึงขั้นที่จะได้ข้อสรุป โดยธนาคารมีวัตถุประสงค์ในการเจรจาเพื่อหาพันธมิตรมาช่วยต่อยอดธุรกิจและเสริมศักยภาพเป็นหลัก ไม่ได้ต้องการแหล่งเงินทุน ซึ่งในช่วงที่ยังไม่มีพันธมิตรเข้ามาธนาคารยังคงมุ่งมั่นเพิ่มศักยภาพให้มีความแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วยตัวของธนาคารเอง

     "เรื่องพันธมิตร CP ที่จะเข้ามาถือ 51% แล้วดีลจะจบสิ้นมีนานี้ เรายังไม่รู้เรื่อง ถ้าเรามีข้อสรุปแล้วเราก็จะไม่ปกปิด แต่ตอนนี้เราไม่มีข้อสรุปใดๆออกมา ซึ่งเราก็มีคุยกับพันมิตร 2-3 รายเป็นต่างประเทศส่วนใหญ่ แต่ยังคุยไม่ได้เป็นที่สิ้นสุดและยังไม่มีข้อสรุปในตอนนี้ เพราะ 1 ใน 3 มีปัญหาเศรษฐกิจเค้า และ 1 ใน 3 ยังไม่เข้าใจระบบการเมืองไทย และอีก 1 ใน 3 เขายังไม่พร้อม ทำให้ยังไม่มีความชัดเจน ส่วนพันธมิตรที่จะเข้ามาเราเน้นการเป็นพันธมิตรแบบ Win-Win เน้นการเป็น Strategic Partner ไม่ใช่หา Financial Partner แต่ถึงไม่มีพันธมิตรเข้ามาเราก็จะเติบโตไปด้วยตัวของเราเอง"นางศศิธร กล่าว

    นางศศิธร กล่าวว่า ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 10-15% โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อที่มีคุณภาพ และจะยังรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรให้เพิ่มขึ้น 10-15% เช่นกัน อีกทั้งเร่งเพิ่มรายได้และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Bancassurance ค่าธรรมเนียมจากการขายกองทุน และค่าธรรมเนียมต่างๆเกบริการที่ธนาคารได้พัฒนาและให้บริการ เช่น ATM, Internet Banking, Mobile Banking และ Mobile Banking เป็นต้น

    นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ซึ่งทำให้สิ้นปี 58 ธนาคารจะมีสาขาทั้งสิ้น 127 สาขา จากสิ้นปี 57 มี 117 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ 60 สาขา และสาขาในต่างจังหวัด 57 สาขา เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคาร

    ด้านนางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินเชื่อ LHBANK กล่าวว่า ธนาคารมองว่าสินเชื่อรวมในปีนี้มีโอกาสเติบโตได้สูงสุดถึง 22-25% หรือมียอดปล่อยสินเชื่อราว 2.7 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายเบื้องต้นของธนาคารคาดไว้ที่ 10-15% โดยธนาคารจะเน้นการให้สินเชื่อในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อ จากเดิมที่เน้นการปล่อยสินเชื่อรายย่อยที่ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

    "ปัจจุบันภาระหนี้ครัวเรือนในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูง ทำให้ธนาคารต้องมีการปรับพอร์ตสินเชื่อจากสินเชื่อรายย่อยไปสู่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจเอสเอ็มอีมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพื่อควบคุมคณภาพหนี้"นางสุธาทิพย์ กล่าว

    ธนาคารคาดว่าในปีนี้สัดส่วนของพอร์ตสินเชื่อจะเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจและธุรกิจขนาดใหญ่ที่ 53% สินเชื่อเอสเอ็มอี 20% และสินเชื่อรายย่อยอยู่ที่ 26-27% ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 57 ธนาคารมีสินเชื้อคงค้างอยู่ที่ 1.17 แสนล้านบาท

   นางสุธาทิพย์ กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยราว 9-10% โดยได้มีการเปิดช่องทางให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นเข้ามาขอสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มีแค่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้ถือหุ้นหลักของธนาคาร ได้แก่ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LH) และบมจ.ควอลิตี้เฮาส์ (QH) โดยคาดว่าภายใน 1-2 ปีสัดส่วนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการนอกกลุ่ม LH จะเพิ่มเป็น 40-50% จากปัจจุบันที่ 20-30%

  ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารในปีนี้จะพยายามควบคุมให้ไม่เกิน 2% จากสิ้นปี 57 อยู่ที่ระดับ 1.98%

                อินโฟเควสท์

LHBANK คาดสินเชื่อปีนี้โตได้มากสุด 22-25% คุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2%

      LHBANK คาดสินเชื่อปีนี้โตได้มากสุด 22-25% คุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2%  เผยกลางปีนี้จะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 3-5พันลบ.เพื่อดันเงินกองทุนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 13%รองรับธุรกิจได้ 3ปี ยัน ไม่ทราบเรื่องกลุ่มซีพีจะเข้ามาซื้อกิจการ แต่ยอมรับคุยกับพาร์ทเนอร์ 3 รายยังไม่มีข้อสรุป

      นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์  รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มสินเชื่อ  ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LHBANK เปิดเผยว่า ธนาคารคาดสินเชื่อปีนี้โตได้สูงสุดประมาณ 22-25% หรือเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 27,000 ล้านบาท จากพอร์ตคงค้างสิ้นปีก่อน 117,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะโฟกัสสินเชื่อเอสเอ็มอีกับสินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้พอร์ตสินเชื่อรายใหญ่อยู่ที่ประมาณ 53% เอสเอ็มอี 20% สินเชื่อรายย่อย 26% และคุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2% จาก 1.98% ในปีก่อน

      โดยปีนี้มองสินเชื่อรายใหญ่น่าจะเติบโตไปตามเศรษฐกิจของประเทศ จากการที่รัฐบาลลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้สินเชื่อประเภทธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างเติบโต รวมถึงสินเชื่อด้านภาคการขนส่งด้วย                   

    นางสุธารทิพย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของสินเชื่อบ้านปีนี้บริษัทฯจะยังคงระมัดระวังเหมือนปีก่อน  เพราะยังมีความกังวลเกี่ยวกับหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงต่อจากปีก่อน จึงคาดว่าจะควบคุมการเติบโตสินเชื่อบ้านปีนี้ไม่ให้เกิน 10%

     ขณะที่สินเชื่อรายย่อย ธนาคารก็จะอาศัยผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญประเภทนี้อยู่แล้วด้วยการเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้ผู้ประกอบการเหล่านั้น เช่น บริษัท เอส 11 กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ S11 ที่ธนาคารได้ให้สินเชื่อมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง S11 จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ธนาคารก็จะเป็นผู้สนับสนุนหลักทางการเงินแก่ S11 แทนที่เข้าไปทำสินเชื่อรถจักรยานยนต์เอง เพราะธนาคารไม่มีความถนัด

    นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) หรือLHBANK  เปิดเผยว่า ประมาณกลางปีนี้ธนาคารจะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ประมาณ 3-5 พันล้านบาทเพื่อนำมาเพิ่มเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร ให้ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 12.4% เป็นกว่า13% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อีก 3 ปี

    ส่วนกรณีมีข่าวซีพีจะเข้ามาซื้อ LHBANK ขอยืนยันเหมือนกับที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯไปเมื่อวานนี้ ว่า ธนาคารไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าปีที่ผ่านมามีการเจรจากับพาร์ทเนอร์ต่างชาติประมาณ 3ราย ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใด เนื่องจากปีก่อนไทยเผชิญปัญหาทาง

    การเมือง ทำให้พาร์ทเนอร์รายหนึ่งเกิดความไม่มั่นใจจึงชะลอเรื่องดังกล่าวไว้  ขณะที่อีกรายต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลกจึงมีความกังวลในการเข้าไปร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรในประเทศต่างๆ  ส่วนอีก 1 ราย ยังไม่มีความพร้อม ซึ่งเป็นปัญหาภายในของพาร์ทเนอร์รายดังกล่าวเอง ทำให้โดยสรุปแล้ว LHBANK คงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการทำผลประกอบการให้ดีด้วยตัวเอง จนกว่า  จะถึงเวลาที่เหมาะสมจึงจะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง           

   "เมื่อคุยมาถึงจุดๆ หนึ่ง ความพร้อมยังไม่เกิดขึ้นยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด เราเลยได้คำตอบว่าสิ่งที่ต้องทำ คือ โฟกัสผลประกอบการให้ได้ก่อน คือ โตได้ด้วยตัวเอง เมื่อเหมาะสมและถึงเวลาก็ง่ายต่อ การตัดสินใจและการที่เราจะหาพันธมิตร เราไม่ได้ต้องการให้พาร์ทเนอร์มาช่วยเรื่องเงิน แต่เราอยากได้ธุรกิจที่ให้ประโยชน์ร่วมกัน"นางศศิธร กล่าว

 สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!