- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Wednesday, 04 June 2014 21:18
- Hits: 3437
KBANK ตั้งเป้าภายใน 3ปี(57-59)มีบัตรเครดิต 5 ล้านใบ-ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแตะ 5.7 แสนลบ.
KBANK ตั้งเป้าภายใน 3ปี(57-59)มีบัตรเครดิต 5 ล้านใบ-ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแตะ 5.7แสนลบ. ส่วนเอ็นพีแอลบัตรเครดิตสิ้นปีไม่เกิน 1.5% ยอมรับอัตราปฏิเสธบัตรเพิ่มขึ้นเป็น 40% จึงต้องเข้มงวดปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกร ไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในช่วง 3ปีข้างหน้า (57-59)ตั้งเป้าหมายเพิ่มฐานบัตรเครดิตแตะ 5 ล้านใบ จากล่าสุดอยูที่ 3.3 ล้านใบ หรือเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ย 6 หมื่นใบต่อเดือน ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มบัตรใหม่อีก 7 แสนใบ หรือเพิ่มสุทธิ 5 แสนใบ เพราะในจำนวน 7 แสนใบที่ออกใหม่ อาจมียกเลิกไปบ้าง
นอกจากนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรแตะ 5.7 แสนล้านบาท หรือโตเฉลี่ย 25-32% ต่อปี จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3.44 แสนล้านบาท หรือโต 31% จากปี 56 สูงกว่าตลาดรวมที่โตปีละ 10%
ปกติยอดใช้จ่ายทั้งหมดผ่านบัตรเราจะโตมากกว่าตลาดอยู่แล้ว เพราะเรามีบัตรใหม่และลูกค้าใหม่เพิ่มปีละ 7 แสนราย โดย 4 เดือนแรกยอดใช้จ่ายรวมโตแค่ 19% เพราะสถานการณ์ทางการเมืองกดดัน แต่เราก็ยังโตมากกว่าตลาดถึง 2เท่า เพราะตลาดโตแค่ 9%"นายชาติชาย กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรก พบว่า พอร์ตการใช้จ่ายรวมของลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย มีการใช้ซื้อประกันมากที่สุดในสัดส่วน 14% รองลงมาซื้อน้ำมัน 11% ซื้อสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม 8% ของตกแต่งบ้าน 7% ซื้อของในซุปเปอร์มาณืเก็ต 6% ท่องเที่ยว 5% อาหาร 4% และโรงแรม 3% และโดยส่วนใหญ่ในทุกประเภทการใช้จ่ายมีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาดรวม
นายชาติชาย ยอมรับว่า ธนาคารเข้มงวดปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตมากขึ้น เพื่อป้องกันหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะล่าสุดพบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 40% ของยอดขอสินเชื่อ จากก่อนหน้าที่ 30% ขณะที่เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาที่ 1.72% จาก 1.38% สิ้นปีก่อน และสิ้นปีคาดจะไม่เกิน 1.5% ซึ่งสัดส่วน 1.5%
โดยวิธีการในการคัดเลือกลูกค้าจะดูเข้มข้นมากขึ้น ธนาคารคารจะพิจารณาจำนวนบัตรเดิมที่ลูกค้ามีอยู่ เพื่อประเมินความสามารถในการขอสินเชื่อบัตรใบใหม่ ดูภาระหนี้เก่าว่ามากเกินไปหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบเครดิตบูโร ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ขั้นต่ำยังคงใช้ที่ 15,000 บาท ต่อเดือนสำหรับรายได้ของผู้สมัคร จากช่วงมีปัญหาซับไพรม์ทุกแบงก์เคยใช้เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 20,000บาท แต่พอเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ ก็กลับมาใช้เกณฑ์ 15,000 บาทต่อเดือนเท่าเดิม
"ถามว่าจะเข้มงวดนานแค่ไหนสำหรับการอนุมัติบัตร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจบ้านเราผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่การที่ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง รวมทั้งกสิกรไทยเองจะยังคงใช้เกณฑ์การอนุมัติที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการที่เราทำแบบนี้ เพราะแบงก์ชาติเองก็เข้ามาดูแลเข้มงวด เข้ามาดูเอ็นพีแอลของลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจของไทย กลับไปซ้ำรอยเหมือนวิกฤติปี 2540อีก"นายชาติชาย กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย