- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Wednesday, 04 June 2014 10:55
- Hits: 3968
วันที่ 04 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8589 ข่าวสดรายวัน
เอทีเอ็มฝังชิพ-สู้โจรสกิมเมอร์ ตร.จับมือ ทุกแบงก์ เร่งติดตั้ง ครบทุกตู้
ตร.ผนึกทุกแบงก์รับมือแก๊งสกิมเมอร์ เตรียมฝังชิพบัตรเอทีเอ็มแทนแถบแม่เหล็ก หวังป้องกันการคัดลอกข้อมูลจากบัตร คาดเปลี่ยนครบทั้งหมดปี 2559 เลขาธิการสมาคมแบงก์ไทยเผยตอนนี้ไม่มีระบบ-เครื่องมือคัดลอกข้อมูลจากชิพได้ พร้อมเตรียมติดตั้งเครื่องป้องกันสกิมเมอร์ทุกตู้เอทีเอ็มใน 2 เดือน สรุปให้ บก.ปอศ. รับแจ้งความคดีลักษณะนี้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ประชุมร่วมผู้แทนสมาคมพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย ผู้แทนธนาคารพาณิชย์ ผู้แทนหน่วยงานผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ตและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เช่น บก.ป. บก.ปอท. บก.ปอศ. สตม. ตท. ฯลฯ เพื่อหามาตรการป้องกันขบวนการคัดลอกข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือแก๊งสกิมเมอร์เอทีเอ็ม ที่ระบาดในพื้นที่ต่างๆ โดยใช้เวลากว่า 2 ช.ม.
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า เป็นการร่วมกันหารือแนวทางการปฏิบัติกรณีเกิดคดีเกี่ยวกับการคัดลอกข้อมูลบัตรว่า คดีที่เกิดขึ้นมีแผนประทุษกรรมอย่างไร เพื่อนำมาวางแผนหามาตรการป้องกันปราบปราม ที่ผ่านมาจากสถิติตำรวจสามารถจับกุมแก๊งเหล่านี้ได้มาก ทั้งพื้นที่ สตม. บก.ป. บก.ปอศ.เป็นผู้จับกุม เบื้องต้นกำหนดแนวทางหากมีคดีเกิดขึ้นให้บก.ปอศ. เป็นเจ้าภาพหลังจากนี้ โดยตำรวจจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
พล.ต.อ.เอก กล่าวอีกว่า จากข้อมูลเดิมฐานการกระทำผิดมาจากต่างชาติ โดยคัดลอกข้อมูลจากต่างประเทศแล้วนำมาใช้กดเงินในประเทศไทย ซึ่งมีคนไทยร่วมกระทำความผิดด้วย แนวโน้มตอนนี้คนไทยเริ่มเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี ทำให้มากระทำผิดเสียอีก ในส่วนที่เกี่ยวกับต่างชาติทางกองการต่างประเทศจะเร่งจัดทำฐานข้อมูลแก๊งชาวต่างชาติให้รวมศูนย์การปฏิบัติและนำข้อมูลที่กระจัดกระจายมารวบรวมได้ โดยเฉพาะรัสเซีย ยูเครน และมาเลเซีย เพราะมีข้อมูลการเข้ามากระทำผิด ในประเทศไทย ด้วยการนำข้อมูลบัตรอิเล็กทรอนิกส์และเข้ามารูดซื้อสินค้าในไทยจำนวนมาก รวมทั้งเฝ้าระวังและสกัดกั้นการซื้อขายเครื่องสกิมเมอร์จากต่างประเทศ
ด้านนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การประชุมในวันนี้มีความชัดเจนมากขึ้นว่าความผิดใดใครรับผิดชอบ หลังจากก่อนหน้านี้ยังเกิดความสับสนว่าเกิดเหตุแล้วจะแจ้งหน่วยไหน เนื่องจากตำรวจมีหลายหน่วยงาน ซึ่งสรุปได้ว่าหากเป็นความผิดเกี่ยวกับการใช้บัตร ให้แจ้งที่บก.ปอศ. ที่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เกี่ยวกับบัตรแจ้งที่บก.ปอท. ส่วนกรณีชาวต่างชาติที่ก่อนหน้านี้สามารถเปิดบัญชีได้โดยใช้พาสปอร์ต แต่ตรวจสอบไม่ได้ว่าพาสปอร์ตจริงหรือปลอม หลังจากนี้ก็สามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้นจากระบบของกองการต่างประเทศ
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า แต่ละธนาคารมีมาตรการป้องกันและตรวจจับความผิดปกติ จากการถูกลักลอบคัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม หาจุดที่บัตรถูกคัดลอกข้อมูลและจะสามารถอายัดข้อมูลบัตรได้ทันทีภายใน 1-2 ช.ม. รวมถึงจะอายัดบัตรที่ใช้บริเวณโดยรอบด้วย หากตรวจพบความผิดปกติ ขณะเดียวกันจะเร่งติดตั้งเครื่องป้องกันการสกิมเมอร์ให้ครบทุกตู้เอทีเอ็มภายใน 2 เดือน ส่วนการเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มแบบแถบแม่เหล็กเป็นแบบฝังชิพ เพื่อป้องกันการคัดลอกข้อมูลบัตรนั้น ตอนนี้ทุกธนาคารเริ่มมีการเปลี่ยนแล้ว และจะเปลี่ยนได้ทั้งหมดภายในวันที่ 1 ม.ค.2559 หลังวันนี้ทุกธนาคารต้องออกบัตรที่ฝังชิพเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลตอนนี้ยังไม่มีระบบหรือเครื่องมือที่สามารถคัดลอกข้อมูลจากชิพได้ และขอให้ลูกค้าบัตรสบายใจหากลูกค้าถูกคัดลอกข้อมูลไปใช้ทางธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด