- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Sunday, 14 May 2023 20:45
- Hits: 2401
ฟิทช์ คงอันดับเครดิตบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัดที่ 'AA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ฟิทช์ เรทติ้งส์ – กรุงเทพฯ – 12 พฤษภาคม 2566: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ 'AA(tha)' และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ 'F1+(tha)' แก่บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MST โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตมีปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตของบริษัทพิจารณาจากความคาดหวังของฟิทช์ว่า ธนาคารแม่ที่เป็นผู้ถือหุ้นสูงสุด ซึ่งคือ Malayan Banking Berhad (หรือ Maybank) จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการสนับสนุนในด้านการดำเนินงานตามปรกติ (extraordinary support) แก่ MST ในกรณีที่มีความจำเป็น
มีบทบาทสำคัญในเชิงกลยุทธ์ : ฟิทช์เชื่อว่า MST ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนแผนกลยุทธ์ของMaybank เพื่อที่จะเป็นสถาบันการเงินชั้นนำในภูมิภาค MST เป็นตัวหลักในการสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มในประเทศไทย
ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดหลักทรัพย์ และให้บริการบริหารความมั่งคั่ง (wealth management) ของ MST ช่วยส่งเสริมธุรกิจในภูมิภาคของกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่ได้มองว่า MST เป็นบริษัทลูกหลัก (core subsidiary) ของ Maybank เนื่องจากขนาดธุรกิจและสัดส่วนของผลประกอบการที่ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับกลุ่ม
มีความเชื่อมโยงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง : ฟิทช์ ยังเชื่อว่า มีการเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง Maybank และ MST ซึ่งเพิ่มระดับของโอกาสในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูก โดยกลุ่มธนาคารแม่มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 83.5% ใน MST และมีการใช้ชื่อทางการค้าร่วมกันกับบริษัทลูก
นอกจากนี้ ยังมีการผสานการดำเนินงานระหว่างกัน (Integration) ในแง่ของผลิตภัณฑ์และทีมบริหารงาน รวมทั้งความร่วมมือกัน (synergies) ในแง่ของการแนะนำลูกค้าจากต่างประเทศภายในกลุ่ม ฟิทช์ คาดว่า การเชื่อมโยงระหว่างกันดังกล่าวจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในระยะสั้น
ผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ : บริษัทมีผลประกอบการตลอดวัฏจักรธุรกิจที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการของ Maybank เมื่อปี 2554 ความสามารถในการทำกำไรของ MST ปรับตัวลดลงในปี 2565 สอดคล้องกับภาพรวมของอุตสาหกรรม
โดยมีปัจจัยหลักมาจากการหดตัวของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (operating profit/average equity) ที่ทรงตัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีที่ 14.2%
ฟิทช์ คาดว่า ความผันผวนของผลประกอบการในอนาคตจะยังคงมีอยู่ จากการที่ธุรกิจของบริษัทต้องพึ่งพาสภาวะตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตามผลประกอบการของบริษัทน่าจะยังคงได้รับแรงหนุนจากการสนับสนุนจากเครือข่ายธุรกิจของธนาคารแม่และเครือข่ายธุรกิจหลักทรัพย์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งของบริษัท
มีการจัดการสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอ : ฟิทช์เชื่อว่าโครงสร้างการระดมเงินทุน (funding) และสภาพคล่อง (liquidity) ของ MST ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ หนุนด้วยความสามารถในการเข้าถึงการระดมเงินทุนผ่านตลาดทุนภายในประเทศ และวงเงินกู้จากธนาคารหลายแห่ง
นอกจากนี้ ธนาคารแม่ยังให้การสนับสนุนเงินทุนเพื่อใช้ในการดำเนินงานตามปรกติในรูปแบบของวงเงินกู้ยืมระหว่างบริษัทในกลุ่ม (intra-group liquidity lines) และเงินกู้ด้อยสิทธิ ซึ่งจะช่วยรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนด้านผลประกอบการและสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นได้
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ MST จะเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเครดิตของ Maybank โดยการปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ หากความสามารถของธนาคารแม่ในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกมีการปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ การปรับลดอันดับเครดิตจะพิจารณาเปรียบเทียบโครงสร้างเครดิตของ MST กับสถาบันการเงินรายอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วยเช่นกัน
การปรับลดลงของโอกาสที่ Maybank จะให้การสนับสนุนแก่ MST ก็จะส่งผลต่ออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวด้วยเช่นเดียวกัน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ธนาคารแม่ลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นลงต่ำกว่า 75%
ควบคู่ไปกับการลดระดับของอำนาจในการควบคุมด้านการบริหารจัดการ ระดับความเชื่อมโยงด้านการดำเนินงานหรือความร่วมมือระหว่างกัน ด้านธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ ไม่คาดว่า ระดับของการให้การสนับสนุนจากธนาคารแม่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้นถึงระยะกลาง
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ MST ไม่น่าจะถูกปรับลดอันดับ เว้นแต่ในกรณีที่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทถูกปรับลดอันดับลงไปที่ 'A+(tha)' หรือ ต่ำกว่า
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ MST อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต หากธนาคารแม่มีโครงสร้างเครดิตที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกที่เพิ่มขึ้น
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ
หากฟิทช์ เชื่อว่า โอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกในประเทศไทยมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หาก MST กลายเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเครือข่ายธุรกิจของธนาคารแม่
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต เนื่องจากอันดับเครดิตอยู่ในระดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ MST มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างเครดิตของ Maybank
ติดต่อ
อาลฎา สุขะการผดุง
Associate Director
Primary Rating Analyst
+662 108 0163
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จากัด
อาคารปาร์คเวนเชอร์ ชั้น 17
57 ถนน วิทยุ ลุมพินี
ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
กุลรัตน์ ลีลานิรมล
Associate Director
Secondary Rating Analyst
+662 108 0154
Elaine Koh
Senior Director
Committee Chairperson
+65 6796 7239
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com