- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Saturday, 03 December 2022 23:02
- Hits: 1642
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร ‘ธ.ออมสิน’ ที่ ‘AAA’ แนวโน้ม ‘Stable’
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารออมสินที่ระดับ ‘AAA’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’หรือ’คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานภาพทางกฎหมายของธนาคารที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFI) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลไทยใน ‘ระดับสูงสุด’ (Integral) และมีบทบาทที่ ‘สำคัญมากที่สุด’ (Critical) ต่อการดำเนินนโยบายของภาครัฐ
นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ธนาคารได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาลซึ่งครอบคลุมภาระผูกพันทางการเงินทั้งหมดของธนาคารตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 และความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากรัฐบาลอย่างทันท่วงทีและเพียงพอในกรณีที่จำเป็นอีกด้วย
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลในระดับสูงสุด
ทริสเรทติ้ง ประเมินความเชื่อมโยงระหว่างธนาคารออมสินกับรัฐบาลที่อยู่ในระดับสูงสุดโดยพิจารณาจากสถานภาพทางกฎหมายของธนาคารที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจซึ่งมีหน้าที่ในการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายของภาครัฐ ปัจจุบันธนาคารอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อีกทั้ง ยังมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แต่เพียงผู้เดียวและมีการควบคุมโดยคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงของธนาคารซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพียงแห่งเดียวที่รัฐบาลให้การค้ำประกันภาระผูกพันทางการเงินทั้งหมดอย่างชัดเจนตาม พ.ร.บ. ธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 ซึ่งระบุว่าภาระผูกพันทางการเงินทั้งหมดของธนาคารซึ่งประกอบด้วยเงินต้น ดอกเบี้ยเงินฝาก และการจ่ายชำระหนี้สินทางการเงินอื่นๆ นั้นจะได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาลด้วยเช่นกัน
มีบทบาทสำคัญมากที่สุดต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ธนาคารจะยังคงมีบทบาทสำคัญมากที่สุดในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทยโดยผ่านการสนับสนุนเงินทุนสำหรับกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยตลอดจนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงส่งเสริมการออมและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนไทยต่อไป
ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของธนาคารออมสินสำหรับปี 2566-2570 ในฐานะ ‘ธนาคารเพื่อสังคม’ นั้น ธนาคารออมสินมุ่งมั่นที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมโดยการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยและประชาชนระดับรากหญ้าให้เข้าถึงบริการทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวสามารถบรรลุได้โดยการใช้กำไรที่เกิดจากการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์มาสนับสนุนการดำเนินงานด้านธนาคารเพื่อสังคม ดังนั้น ธนาคารจึงมิได้มีเป้าหมายในการสร้างกำไรสูงสุดแต่อย่างใด
ธนาคารมีประวัติในการได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องในรูปของเงินชดเชยความเสียหายจากเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ตามนโยบายธุรกรรมรัฐ (PSA) บางส่วนซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลที่ธนาคารเป็นผู้ดำเนินการภายใต้ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อในบัญชีดังกล่าวที่จำนวน 1.8 แสนล้านบาทซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มสถาบันการเงินเฉพาะกิจในประเทศไทย หรือมีสัดส่วนคิดเป็น 8.11% ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารมีสินเชื่อที่ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจคิดเป็นสัดส่วน 38.8% ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 และมีสินเชื่อที่ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจคิดเป็นสัดส่วน 38.9% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565
บทบาทของธนาคารในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ทั้งนี้ เพื่อที่จะรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด 19 ธนาคารได้ดำเนินบทบาทสำคัญในการเป็นช่องทางให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากภาครัฐแก่กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก
และขนาดกลางตลอดจนภาคอุตสาหกรรมหลักๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจในอัตราที่เป็นธรรม นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ดำเนินมาตรการผ่อนปรนต่างๆ สำหรับ ลูกค้ารายย่อยเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากโรคโควิด 19 อีกด้วย เช่น มาตรการพักชำระหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น
ด้วยเป้าหมายในการมุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มประชาชนฐานรากให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อที่มีหลักประกันในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ธนาคารจึงได้ขยายสู่ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนหลักของกลุ่มประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ได้ โดยในส่วนของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถนั้น ธนาคารมีความร่วมมือกับ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ‘BBB+/Stable’) ในการพัฒนากิจการร่วมค้า (JV) ภายใต้ชื่อ ‘บริษัทเงินสดทันใจ’(Fast Money)
สำหรับ สินเชื่อที่ดินและขายฝาก ธนาคารมีความร่วมมือกับ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ‘AA’) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ‘A’) ในการพัฒนากิจการร่วมค้าภายใต้ชื่อ ‘มีที่ มีเงิน’ (‘Mee Tee, Mee Ngern’) และในอนาคตธนาคารยังจะให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและสินเชื่อดิจิทัลภายใต้การพัฒนากิจการร่วมค้าในบริษัทนอนแบงก์ โดยมีเป้าหมายที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดของผลิตภัณฑ์เหล่านี้อีกด้วย
มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากรัฐบาลในกรณีที่มีความจำเป็น
อันดับเครดิตของธนาคารมีพื้นฐานมาจากมุมมองของทริสเรทติ้งว่าความเชื่อมโยงระหว่างธนาคารกับรัฐบาลที่อยู่ในระดับสูงสุดและบทบาทของธนาคารที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลนั้นจะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคตอันใกล้
ทริสเรทติ้ง จึงเชื่อว่า โอกาสที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากรัฐบาลอย่างทันท่วงทีและเพียงพอในกรณีที่มีความจำเป็นนั้นมีความเป็นไปได้สูง ทั้งนี้ การสนับสนุนอาจอยู่ในรูปของการเพิ่มทุนโดยผ่านการจัดสรรเงินทุนจาก ‘กองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ’
ตลอดจนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของรัฐบาล หรือจากแหล่งเงินทุนอื่นๆ ของรัฐที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าธนาคารยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอรับการสนับสนุนเป็นพิเศษจากรัฐบาลในอนาคตอันใกล้นี้เนื่องจากธนาคารมีสถานะเงินทุนที่เพียงพออยู่แล้ว
โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนภายใต้เกณฑ์ Basel II ของธนาคารออมสินอยู่ที่ระดับ 17.1% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ข้อบังคับขั้นต่ำของทางการซึ่งอยู่ที่ระดับ 8.5%
เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งดำเนินธุรกิจธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยที่แข็งแกร่ง
ธนาคารออมสินมีความสำคัญต่อรัฐบาลเนื่องจากเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของขนาดสินทรัพย์ โดยสินทรัพย์รวมของธนาคารอยู่ที่ระดับ 2.9 ล้านล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ซึ่งเทียบเท่ากับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่นๆ ที่ ธปท. จัดให้เป็นธนาคารที่มีความสำคัญในเชิงระบบ (D-SIB) ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดในส่วนของสินเชื่ออยู่ที่ระดับ 9.4% ของสินเชื่อในระบบธนาคาร
ซึ่งรวมถึงกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งหมดในประเทศไทย นอกจากนี้ ธนาคารยังมีส่วนแบ่งกำไรสุทธิที่นำส่งรัฐบาลสูงที่สุดในกลุ่มสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งหมดอีกด้วย โดยกำไรสุทธิของธนาคารออมสินในปี 2564 คิดเป็น 52.2% ของกำไรสุทธิของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งหมด
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ธนาคารออมสินจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ชนบท ทั้งนี้ ธนาคารมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดจำนวนถึง 23 ล้านราย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 โดยลูกค้าของธนาคารในสัดส่วน 60% เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและประชาชนฐานราก
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีเครือข่ายสาขาที่กว้างขวางที่สุดในต่างจังหวัดเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดในประเทศไทยอีกด้วย โดยธนาคารมีจำนวนสาขามากถึง 1,052 แห่งทั่วประเทศ
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารออมสินจะยังคงรักษาความเชื่อมโยงในระดับสูงสุดที่มีกับรัฐบาลตลอดจนสถานภาพทางด้านกฎหมายในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจและบทบาทที่สำคัญมากที่สุดในการดำเนินนโยบายของภาครัฐได้ต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
ทริสเรทติ้ง อาจปรับลดอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารลงหากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของนโยบายของรัฐบาลที่มีผลกระทบต่อบทบาทของธนาคารในการดำเนินนโยบายของภาครัฐหรือความเชื่อมโยงในระดับสูงสุดระหว่างรัฐบาลและธนาคาร
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ, 30 กรกฎาคม 2563
ธนาคารออมสิน (GSB)
อันดับเครดิตองค์กร: |
AAA |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html