WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FITCH12 1ฟิทช์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยที่ ‘BBB+’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

     ฟิทช์ เรทติ้งส์ - สิงคโปร์/กรุงเทพฯ -7 ตุลาคม 2565: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-currency Issuer Default Rating หรือ IDR) ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM) ที่ ‘BBB+’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย

      พร้อมกันนี้ ฟิทช์ ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตสนับสนุนของ EXIM ที่ '2' และอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำที่ 'BBB+' เนื่องจากอันดับเครดิตดังกล่าวมิได้มีนัยสำคัญเพียงพอในการติดตามวิเคราะห์อีกต่อไป หลังจากที่มีการปรับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 และสอดคล้องกับประกาศหลักเกณฑ์ใหม่นี้ ฟิทช์ให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support Rating: GSR) แก่ EXIM ที่ 'bbb+'

 

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

     อันดับเครดิตพิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล: อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EXIM พิจารณาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและความคาดหวังของฟิทช์ว่าธนาคารน่าจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติจากรัฐบาลไทยในกรณีที่มีความจำเป็น

     ดังนั้น อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ EXIM จึงอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของประเทศไทย (BBB+/Stable/F1) อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EXIM เป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศซึ่งสะท้อนมุมมองของฟิทช์ว่าความเสี่ยงของธนาคารที่จะผิดนัดชำระหนี้อยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารและบริษัทรายอื่นในประเทศไทย ฟิทช์ไม่ได้ให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) แก่ EXIM เนื่องจากการประเมินความแข็งแกร่งทางเครดิตของตัวธนาคารเองไม่ได้มีนัยสำคัญเนื่องจากบทบาทของธนาคารในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล

    มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล: ธนาคารมีหน้าที่ในการสนับสนุนกิจกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นกลุ่มเป้าหมายหรือได้รับการบริการจากธนาคารพาณิชย์ ฟิทช์มองว่าบทบาทในการสนับสนุนนโยบายรัฐของ EXIM มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อรัฐบาล เนื่องจากภาคการส่งออกคิดเป็น 58% ของ จีดีพี ของประเทศไทย  

      นอกจากนี้ ธนาคารยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ส่งออกโดยใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทประกันการค้า EXIM เป็นธนาคารรัฐเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการประกันการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ จึงเป็นการยากที่จะทำการโอนบทบาทนโยบายของ EXIM ไปยังธนาคารของรัฐอื่น

      บทบาทสนับสนุนในช่วงสถานการณ์โรคระบาด: EXIM มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนลูกค้าในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยการให้การสนับสนุนในรูปแบบของสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เงินทุนหมุนเวียน การพักชำระหนี้ และการจัดหาสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูธุรกิจหลังจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สินเชื่อคงค้างของ EXIM ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยขยายตัว 11% ในปี 2563 และ 13% ในปี 2564 ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของธนาคารในการช่วยต่อต้านการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

      รัฐบาลถือหุ้นทั้งหมดในธนาคาร: กระทรวงการคลังถือหุ้นเต็มจำนวนและมีอำนาจควบคุมอย่างเต็มที่ใน EXIM โดยคณะกรรมการของธนาคารประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานราชการหลายแห่ง รวมถึงสำนักงานเศรษฐกิจการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งการประสานงานจากหน่วยงานต่างๆเหล่านี้ช่วยสนับสนุนความสามารถของ EXIM ในการตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล

      ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาล: EXIM ได้รับการสนับสนุนจากรัฐในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเพิ่มทุนโดยตรงจากรัฐบาลและการชดเชยดอกเบี้ยสำหรับโครงการสินเชื่อนโยบายรัฐ การสนับสนุนเงินทุนครั้งล่าสุดคือการเพิ่มทุน 2.2 พันล้านบาทในปี 2564 โดยมีแนวโน้มเพิ่มทุนอีก 2 พันล้านบาทภายในปี 2565 นอกจากนี้ EXIM ยังได้รับประโยชน์จากสถานะที่เป็นธนาคารรัฐ ซึ่งช่วยสนับสนุนความสามารถของ EXIM ในการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ได้อย่างมีเสถียรภาพ

     นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถขอให้รัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ของธนาคารได้ โดยพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารให้รัฐบาลมีอํานาจค้ำประกันเงินกู้ของธนาคารได้ไม่เกิน 12 เท่าของเงินกองทุนของธนาคาร แม้ว่าที่ผ่านมาธนาคารไม่ได้มีความจำเป็นในการเรียกร้องขอค้ำประกัน แต่การค้ำประกันดังกล่าวอาจช่วยบรรเทาความเสี่ยงด้านเงินทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพาเงินทุนจากตลาดทุน

     ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น: ผลการดำเนินงานของ EXIM ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาทในปี 2564 จากขาดทุนสุทธิ 1.3 พันล้านบาทในปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลงมาอยู่ที่ 8 ร้อยล้านบาทในปี 2564 (จาก 3.3 พันล้านบาท ในปี 2563) ฟิทช์คาดว่าแนวโน้มรายได้จะยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า  เนื่องจากการปรับตัวดีขึ้นของกิจกรรมทางธุรกิจ และคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นจึงไม่น่าที่จะมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

  การปรับลดอันดับเครดิตสากลของประเทศไทยเป็นการบ่งชี้ว่าความสามารถในการให้การสนับสนุนธนาคารรัฐ เช่น EXIMของรัฐบาลไทยอ่อนแอลงและจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคาร

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารไม่น่าที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของความสามารถในการให้การสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจากอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารน่าจะยังคงเป็นอันดับที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคารยังอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของประเทศไทย

การปรับตัวลดลงของโอกาสในการที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือแก่ธนาคารในมุมมองของฟิทช์ อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของธนาคาร 

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดจากการที่รัฐบาลลดสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารลงอย่างมีนัยสำคัญ การลดบทบาทของธนาคารในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลและความเชื่อมโยงกับรัฐบาลหรือหากมีการเปลี่ยนแปลงสถานะทางกฏหมายของธนาคารจากการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารอาจได้รับผลกระทบเชิงลบเช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับการทบทวนอันดับเครดิตของฟิทช์โดยเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของ EXIM เทียบกับบริษัทหรือธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของโอกาสในการให้การสนับสนุนไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยจะส่งผลให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ EXIM ได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานในด้านการให้การสนับสนุน อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตภายในประเทศของ EXIM ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเนื่องจากอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารเป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด

 

อันดับเครดิตอื่นและอันดับเครดิตหุ้นกู้

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ EXIM อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคาร เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเป็นภาระผู้กันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ EXIM อาจได้รับการปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว หรือ อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารถูกปรับลดอันดับ

 

ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวจะส่งผลไปในทิศทางเดียวกันดับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ EXIM ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเนื่องจากอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารเป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด

 

การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสาหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก https://www.fitchratings.com/esg

 

อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น

อันดับของ EXIM มีความเชื่อมโยงกับโครงสร้างอันดับเครดิตของประเทศไทย

 

ติดต่อ

Tania Gold

Senior Director (อันดับเครดิตสากล)

+65 6796 7224

Fitch Ratings Singapore Pte Ltd

One Raffles Quay, South Tower #22-11

Singapore 048583

 

Secondary Analyst

จินดารัตน์ สิริสิทธิโชติ (อันดับเครดิตสากล)

Associate Director

+66 2108 0153

 

พชร ศรายุทธ (อันดับเครดิตภายในประเทศ)

Director

+662 108 0152

 

Committee Chairperson

Jonathan Cornish

Managing Director

+852 2263 9901

ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com

 

Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!