WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 9ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘ธ.ทิสโก้ ที่ ‘A’ แนวโน้ม ‘Stable’

      ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A’ รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ระดับ’A’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ อันดับเครดิตของธนาคารทิสโก้มีระดับเทียบเท่ากับอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ (Group Credit Profile – GCP) ของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) ซึ่งอยู่ที่ระดับ ‘a’ เนื่องจากธนาคารมีสถานะเป็นบริษัทหลักของกลุ่ม

     ในขณะที่อันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile – SACP) ของธนาคารทิสโก้ที่ระดับ’a’ นั้นสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของการให้บริการสินเชื่อรถยนต์ สถานะเงินกองทุนที่มั่นคง ความสามารถในการทำกำไร ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งเหล่านี้ถูกจำกัดโดยขนาดของธุรกิจที่เล็กและสถานะเงินทุนที่อ่อนแอเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ธุรกิจการให้บริการสินเชื่อรถยนต์ยังคงแข็งแกร่งแม้สินเชื่อจะหดตัว

       สถานะทางธุรกิจของธนาคารทิสโก้ถูกยึดโยงไว้กับธุรกิจของธนาคารที่มีความแข็งแกร่ง โดยจัดเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 (รวมสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์) ถึงแม้ว่าอัตราการเข้าถึงลูกค้าของธนาคารจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปของธนาคาร อัตราการเข้าถึงลูกค้าของธนาคารลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.5% ในปี 2564 เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ระดับ 7.2% ในปี 2560

      การขยายตัวของสินเชื่อในกลุ่มอื่นๆ ก็มีความกระตือรือร้นน้อยลงในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับการเติบโตในช่วงก่อนหน้านี้ พอร์ตสินเชื่อของธนาคารทิสโก้จึงยังคงกระจุกตัวอยู่ในสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งยังคงคิดเป็นสัดส่วนหลักที่ระดับ 71% ของพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร ณ สิ้นปี 2564

สถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่ง

      สถานะเงินกองทุนของธนาคารทิสโก้ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มว่าจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สู่ระดับ 20.16% ณ สิ้นปี 2564 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการหดตัวลงของฐานสินทรัพย์เนื่องจากการหดตัวลงของสินเชื่อ และการสะสมของกำไรสะสมซึ่งได้แรงหนุนจากการความสามารถในการทำกำไรที่ดี

     ทั้งนี้ คุณภาพของเงินกองทุนอยู่ที่ระดับค่าเฉลี่ย โดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็นสัดส่วน 80% ของเงินกองทุนทั้งหมด ณ สิ้นปี 2564 อ้างอิงจากสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อแบบระมัดระวังและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ระดับ 50%-90% อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารจะอยู่ในช่วง 19%-20% ในปี 2565-2567

ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งสนับสนุนการเพิ่มฐานทุน

      ทริสเรทติ้ง คาดว่า ธนาคารทิสโก้จะยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารในปี 2564 อยู่ที่ระดับ 1.62% เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.38% ในปี 2563 โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิที่ขยายตัวขึ้น

      และการตั้งสำรองเพื่อรองรับการสูญเสียทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ต้นทุนทางเครดิต) ที่ลดลง ตัวเลขดังกล่าวยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ระดับ 0.81% ในช่วงเวลาเดียวกัน

     ธนาคารทิสโก้สามารถรักษารายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารที่ระดับประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี ถึงแม้ว่าสินเชื่อของธนาคารจะหดตัว 19.4% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิที่ปรับด้วยความเสี่ยงของธนาคารเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.91% ในปี 2564 จากระดับ 3.37% ในปี 2563

      โดยได้รับแรงหนุนจากสินเชื่อรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูง ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง สินเชื่อรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูงของธนาคาร ซึ่งคิดเป็น 23.2% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ สิ้นปี 2564 ประกอบด้วยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์

      ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.7% โดยได้แรงหนุนจากความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งและคุณภาพสินทรัพย์ที่มีการจัดการที่ดี

คุณภาพสินทรัพย์และเงินสำรองอยู๋ในระดับแข็งแกร่ง

        ธนาคารทิสโก้ รักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ด้วยการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบและกลยุทธ์การเติบโตอย่างระมัดระวัง ซึ่งสะท้อนจากเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และสินเชื่อที่อยู่ภายใต้มาตรการบรรเทาหนี้ที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง พร้อมกับเงินสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่สูง อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร (ไม่รวมสินทรัพย์ระหว่างธนาคาร) ลดลงสู่ระดับ 2.18% ณ สิ้นปี 2564 จากระดับ 2.22% ณ สิ้นปี 2563 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 3.7% ณ ช่วงเวลาเดียวกัน

     สินเชื่อของธนาคารที่อยู่ภายใต้มาตรการบรรเทาหนี้ก็ลดลงจากระดับสูงสุดที่ระดับ 24% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 มาอยู่ที่ระดับ 8% ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 14% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารยังปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 247.8% ณ สิ้นปี 2564

      ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทย คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารน่าจะค่อนข้างคงที่ในปี 2565 เนื่องจากกลยุทธ์การขยายสินเชื่อเฉพาะกลุ่มและความเสี่ยงที่น้อยในกลุ่มที่เปราะบาง เช่น ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (4.2% ของสินเชื่อทั้งหมด)

พึ่งพาเงินฝากรายย่อยที่มีต้นทุนสูง

      สถานะเงินทุนของธนาคารทิสโก้ยังคงถูกประเมินว่าอยู่ที่ระดับ "ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย" เมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์หลักของประเทศไทยถึงแม้ว่าสัดส่วนเงินฝากของธนาคารจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ณ สิ้นปี 2564 สัดส่วนเงินฝากรายย่อยอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 71% ของเงินฝากทั้งหมด เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 59% ณ สิ้นปี 2563 สถานะเงินทุนของธนาคารยังคงมีข้อจำกัดจากการพึ่งพาเงินฝากประจำที่มีต้นทุนสูงจากลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง เช่นเดียวกับธนาคารขนาดเล็กรายอื่นๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นในต้นทุนเงินฝากที่ระดับ 1.05% ในปี 2564 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 0.67%

      ในปี 2564 ยอดเงินฝากของลูกค้ารวมลดลง 18% เนื่องจากนโยบายการบริหารเงินทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม เงินฝากของลูกค้าของธนาคารคิดเป็นสัดส่วนหลักที่ระดับ 90.9% ของเงินทุนทั้งหมด ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 86.9% อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากยังคงอยู่ที่ระดับสูงที่สุดในอุตสาหกรรม โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 117.6% ณ สิ้นปี 2564 จากระดับ 108.9% ณ สิ้นปี 2563 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 94.2%

สภาพคล่องอยู่ในระดับเพียงพอ

     ทริสเรทติ้ง คาดว่า ธนาคารทิสโก้จะยังคงรักษาสถานะสภาพคล่องให้อยู่ในระดับเพียงพอต่อไปได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ณ สิ้นปี 2564 อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมของธนาคารคิดเป็น 22.5% ของเงินฝากทั้งหมด ซึ่งเพียงพอและสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของทริสเรทติ้งที่ระดับ 20%

      ในขณะที่ อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤติ (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) ของธนาคารอยู่ที่ระดับเฉลี่ยที่ 168.4% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ระดับ 189.2% ตามตัวเลขที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานก็ตาม

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ต่อไปนี้คือสมมติฐานที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารทิสโก้ ในระหว่างปี 2565-2567

  • อัตราการเติบโตของสินเชื่อ: คงที่ในปี 2565 และ 2% ต่อปีหลังจากนั้น
  • อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ: 4.24%-4.59%
  • ต้นทุนทางเครดิต: 0.5%-0.6%
  • อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (ไม่รวมสินทรัพย์ระหว่างธนาคาร): 2.1%-2.17%
  • อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคาร: 19.76%-20.97%

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าธนาคารทิสโก้จะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรและความแข็งแกร่งในธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์ คุณภาพสินทรัพย์มีการจัดการที่ดีและมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

      การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารทิสโก้ในการรักษาสถานะทางการตลาดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวมและเพิ่มการ กระจายตัวของโครงสร้างรายให้มากยิ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์และสถานะเงินกองทุนน่าจะอยู่ในระดับแข็งแกร่งดังเดิม ในขณะที่สถานะเงินทุนค่อยๆ เพิ่มขึ้น การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นหากคุณภาพสินทรัพย์ ตลอดจนเงินกองทุน และความสามารถในการทำกำไรของ ธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

- Banks Rating Methodology, 3 มีนาคม 2563

ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCOB)

อันดับเครดิตองค์กร:

A

อันดับเครดิตตราสารหนี้

TISCO243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com  

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

      © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

    ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

 Click Donate Support Web 

 

EXIM One 720x90 C J

AXA 720 x100

aia 720 x100

วิริยะ 720x100GC 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!