- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Saturday, 03 October 2020 16:19
- Hits: 17436
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 วงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท 'ธ.เกียรตินาคินภัทร' ที่ระดับ’BBB+’แนวโน้ม ‘Stable’
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'A' รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคารที่ระดับ ‘A’ และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ชุดปัจจุบันของธนาคารที่ระดับ’BBB+’ ตามลำดับ แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ชุดใหม่ ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทของธนาคารที่ระดับ’BBB+’ ด้วย
อันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ธนาคารมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย ตลอดจนเงินกองทุนที่เพียงพอซึ่งได้รับแรงหนุนจากความสามารถในการทำกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่ธุรกิจธนาคารของธนาคารเกียรตินาคินภัทรมีขนาดค่อนข้างเล็กและธนาคารมีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมและลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ในระดับค่อนข้างสูง ในระยะปานกลาง ธนาคารอาจเผชิญกับแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ทีอาจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนด้านเครดิตก็อาจบรรเทาลงบางส่วนจากการมีนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบของธนาคารและมาตรการผ่อนปรนสำหรับลูกหนี้ของธนาคารเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ทริสเรทติ้ง คาดว่า เงินกองทุนที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย และการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวังของธนาคารเกียรตินาคินภัทรจะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตของธนาคารได้ในท่ามกลางระบบเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโรคโควิด 19 ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของธนาคารสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่ลดลงและแรงกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่นๆ โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารลดลงสู่ระดับ 1.56% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จากระดับ 1.74% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562
ธนาคารได้ตั้งสำรองความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss – ECL) ให้สูงขึ้นเนื่องจากการตั้งสำรองส่วนเพิ่มจากการบริหารจัดการ (Management Overlay) และผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่เพิ่มสูงขึ้น จึงส่งผลให้ต้นทุนทางเครดิตแบบปรับเป็นตัวเลขเต็มปีของธนาคารเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.32% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จากระดับ 1.33% ในปี 2562 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 3.73% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จากระดับ 4.03% ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการผ่อนปรนสำหรับลูกหนี้ ในขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมก็ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 115% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จากระดับ 111% ณ สิ้นปี 2562
ทริสเรทติ้ง คาดว่าธนาคารเกียรตินาคินภัทรจะยังคงเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารต่อไป โดยธนาคารมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 13.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 ซึ่งรวมผลกำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ธนาคารเกียรตินาคินภัทรมีแผนการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามหลักเกณฑ์ Basel III ชุดใหม่นี้เพื่อทดแทนชุดเดิมที่มีมูลค่า 3 พันล้านบาทและสามารถซื้อคืนได้ตั้งแต่สิ้นปี 2563
อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามหลักเกณฑ์ Basel III
อันดับเครดิต 'BBB+' สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ชุดใหม่ของธนาคารเกียรตินาคินภัทรสะท้อนความเสี่ยงในการด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการไม่ได้รับการชำระหนี้ตามเงื่อนไขการรองรับผลขาดทุนเมื่อธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ตราสารดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ Basel III และเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ทั้งนี้ ตราสารประเภทนี้มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่สามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ย และไม่สามารถแปลงสภาพได้ ธนาคารสามารถไถ่ถอนตราสารคืนทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดได้อย่างน้อยภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. แล้ว
โดยผู้ถือตราสารประเภทนี้มีสิทธิที่ด้อยกว่าผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคาร ทั้งนี้ ตราสารดังกล่าวสามารถตัดเป็นหนี้สูญได้ในกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลพิจารณาเห็นว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคารภายใต้เงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าธนาคารเกียรตินาคินภัทรจะยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งของเงินกองทุน รวมทั้งคุณภาพสินทรัพย์และได้รับผลประโยชน์จากการผสานพลังกับธุรกิจตลาดทุนและธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของธนาคารให้มากขึ้นซึ่งจะนำไปสู่ผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น
รวมการปรับสำรองส่วนเกินและการปรับสำรองส่วนเกินบางส่วนเพื่อใช้รองรับค่าเผื่อการปรับมูลค่า ทรัพย์สินรอการขาย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารเกียรตินาคินภัทรในการขยายธุรกิจธนาคารพาณิชย์และ/หรือเพิ่มความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนที่มีความมั่นคงได้ อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากเงินกองทุน รวมไปถึงคุณภาพสินทรัพย์ หรือสภาพคล่องของธนาคารอ่อนแอลงอย่างมีสาระสำคัญ นอกจากนี้ หากความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากการมีคุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยลง หรือมีรายการขาดทุนขนาดใหญ่ที่ไม่ได้คาดหมายจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนก็อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้เช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการในการจัดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์, 30 มีนาคม 2560
- วิธีการจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2, 30 เมษายน 2557
ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KK)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KK212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
KK218A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
KK25DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB+
หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามหลักเกณฑ์ Basel III วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
ไถ่ถอนภายใน 10 ปี BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ