- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Sunday, 20 September 2020 14:19
- Hits: 20914
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร 'บ. เมกะ สากลพาณิชย์'ที่ 'AAA' แนวโน้ม 'Stable'
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'AAA' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะของธนาคารซึ่งเป็นธนาคารย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega International Commercial Bank Co., Ltd. ในประเทศไต้หวัน (Mega ICBC-Taiwan ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ ‘A’ ด้วยแนวโน้ม ‘Stable’หรือ ‘คงที่’) และการได้รับการสนับสนุนด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคต
เมื่อพิจารณาในส่วนของอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ แล้ว ปัจจัยสนับสนุนสถานะเครดิตของธนาคารประกอบด้วยเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในเกณฑ์ดี และสภาพคล่องที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ก็มีข้อบั่นทอนอันเกิดจากการกระจุกตัวของธุรกิจจากการที่ธนาคารมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าว
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
การสนับสนุนจาก Mega ICBC-Taiwan จะยังคงดำเนินต่อไป
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ที่สำคัญที่สุดคือการที่ทริสเรทติ้งเห็นว่าธนาคารจะยังคงได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารแม่คือ Mega ICBC-Taiwan ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ธนาคารเกิดปัญหาทางการเงิน ซึ่งปัจจัยชี้วัดก็คือการเพิ่มทุนในอดีตที่นอกเหนือจากการได้รับการสนับสนุนด้านแหล่งเงินกู้สำรองนั่นเอง ทั้งนี้ การใช้ชื่อองค์กรร่วมกันยังส่งผลทำให้การดำเนินงานและผลประกอบการของธนาคารมีแนวโน้มที่จะได้รับผลจากชื่อเสียงของกลุ่มโดยตรงซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นในการบริหารความเสี่ยงร่วมกันอีกด้วย
ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ Mega ICBC-Taiwan จะขายธุรกิจของธนาคารออกไปเนื่องจาก
พันธสัญญาในระยะยาวต่อธุรกิจในประเทศไทยที่มีธนาคารเป็นหน่วยผลักดันอันประกอบด้วยการให้บริการทางการเงินและสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าชาวไต้หวันที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย ซึ่งลูกค้าหลายรายได้รับการแนะนำจากธนาคารแม่และจากหน่วยงานราชการของประเทศไต้หวัน ธนาคารยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันกลยุทธ์ของกลุ่มในการมุ่งเน้นขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามนโยบาย ‘New Southbound Policy’ ของรัฐบาลไต้หวันซึ่งส่งเสริมการขยายการลงทุนในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเอเชียใต้ และประเทศออสเตรเลีย เพื่อเป็นการลดการพึ่งพาประเทศจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย
เงินกองทุนจะยังคงแข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ระดับเงินกองทุนของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เงินกองทุนที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่กำหนดอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคาร ทริสเรทติ้งเชื่อว่าฐานทุนที่แข็งแกร่งดังกล่าวจะช่วยรองรับความสูญเสียทางเครดิตที่อาจเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)
ทริสเรทติ้ง ประมาณการเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารว่าจะอยู่ที่ระดับ 19%-21% ในปี 2563-2565 ซึ่งเพียงพอที่จะรักษาอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารให้อยู่ในระดับปัจจุบัน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินปันผลของธนาคารจะคงอยู่ที่ระดับ 90% ซึ่งสะท้อนนโยบายการจ่ายเงินปันผลของผู้บริหารที่ต้องการคงอัตราเงินปันผลในระดับสูง และทริสเรทติ้งยังประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับ 3%-5% ในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย
ณ สิ้นปี 2562 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของธนาคารอยู่ที่ระดับ 22.4% คิดเป็นสัดส่วน 97% ของเงินกองทุนรวม ซึ่งสะท้อนถึงเงินกองทุนที่มีคุณภาพสูง
เป็นรูปแบบธุรกิจที่มุ่งเน้นลูกค้าธุรกิจรายใหญ่
ธุรกิจของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ยังคงมีรูปแบบที่มุ่งเน้นให้บริการด้านการธนาคารโดยเฉพาะแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจชาวไต้หวันในประเทศไทยและบริษัทไทยขนาดใหญ่ ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อร่วมกับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่น ๆ เพื่อขยายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่น่าพอใจโดยอยู่ที่ระดับ 12% ในปี 2562 ในอนาคตธนาคารต้องการแสวงหาโอกาสจากนักธุรกิจชาวไต้หวันที่เข้ามาในประเทศไทยตามนโยบาย New Southbound Policy ของรัฐบาลไต้หวัน
ลักษณะของผลการดำเนินงานของธนาคารน่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ กำไรจากธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่อยู่ในระดับไม่สูงนักจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักให้แก่ผลการดำเนินงานของธนาคาร รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธนาคารประกอบด้วยบริการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริการธุรกรรมระหว่างประเทศ และการโอนเงินระหว่างประเทศ
ทริสเรทติ้ง ยังคาดด้วยว่าการกระจุกตัวทางธุรกิจของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากการมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ในการนี้ ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธนาคารซึ่งวัดจากสัดส่วนของลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกต่อสินเชื่อรวมของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์รายอื่นๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง
ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีอย่างต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้ง คาดว่าธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จะสามารถสร้างผลประกอบการในระดับที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด 19 และสภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำก็ตาม ธนาคารน่าจะยังคงมีผลกำไรหลังจากปรับค่าความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ดีเมื่อพิจารณาจากการปล่อยกู้ให้แก่กลุ่มลูกค้าที่มีความชัดเจน ตลอดจนการมีคุณภาพเครดิตที่ดี รวมถึงการมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และกำไรจากธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ
ทริสเรทติ้ง คาดว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อของธนาคารจะอยู่ในระดับปานกลางที่ 3%-5% ต่อปี โดยกำไรจากดอกเบี้ยสุทธิจะลดลงและต้นทุนทางเครดิตจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า โดยทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.0% ในปี 2563-2565 ซึ่งลดต่ำลงจากระดับ 1.3%-1.4% ในช่วงปี 2561-2562 และคาดว่ากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิจะอยู่ในระดับต่ำลงที่ระดับ 1.9%-2.0% จากระดับ 2.3%-2.4% ในช่วง 2 ปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำและต้นทุนทางเครดิตที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่าต้นทุนทางเครดิตของธนาคารจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.5% ในปี 2563 และที่ระดับ 0.2%-0.3% ในปี 2564-2565
พร้อมรับความเสี่ยงจากโรคโควิด 19
ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ น่าจะมีความพร้อมรับความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เป็นผลกระทบจากโรคโควิด 19 ได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังพิจารณาว่าธนาคารมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวทางเครดิตในระดับสูงซึ่งวัดจากสัดส่วนของลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกต่อสินเชื่อรวมของธนาคารที่อาจส่งผลให้สินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในกรณีการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้ารายใหญ่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังพิจารณารวมไปถึงการที่ธนาคารมีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีในสินเชื่อธุรกิจ มีสำรองหนี้สูญที่เพียงพอ และมีมูลค่าของหลักประกันต่อเงินสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง ในขณะเดียวกัน สินเชื่อส่วนหนึ่งของธนาคารยังได้รับการประกันจาก Overseas Credit Guarantee Fund (OCGF) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การรับประกันเครดิตของประเทศไต้หวันอีกด้วย นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เพิ่มบุคลากรในสายงานตรวจสอบ การบริหารความเสี่ยง และข้อมูลด้านเครดิตในช่วงปีที่ผ่านมาอีกด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกันธนาคารพาณิชย์รายอื่น ๆ ที่ดำเนินงานในประเทศไทย ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ก็มีสัญญาณการเสื่อมถอยของคุณภาพสินทรัพย์ในเบื้องต้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยทริสเรทติ้งมองว่าการเพิ่มสูงขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพเกิดจากปัจจัยพื้นฐานของผู้กู้ที่อ่อนแอลงและการบังคับใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 ในช่วงต้นปี 2563 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับ 1.13% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จากระดับ 0.65% ณ สิ้นปี 2562 โดยมีสาเหตุมาจากการจัดชั้นสินเชื่อร่วมขนาดใหญ่ของลูกค้ารายหนึ่งอย่างระมัดระวัง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสาขาธนาคารต่างประเทศในประเทศไทยที่ระดับ 0.57% ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.9% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 อยู่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ ในปี 2562 ธนาคารยังได้พัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ด้วยการตัดหนี้สูญสำหรับหนี้ด้อยคุณภาพเดิมบางรายการอีกด้วย
ธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ ได้ตั้งสำรองหนี้สูญในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ไว้สูงกว่าที่ตั้งในปี 2562 ทั้งปี ส่งผลให้ต้นทุนทางเครดิตที่ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีอยู่ที่ระดับ 0.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองสำหรับความสูญเสียทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Losses – ECL) ไว้ที่มูลค่า 40 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนทางเครดิตอยู่ที่ระดับ 0.1% ในปี 2562 ธนาคารมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ระดับ 138% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 และมีสัดส่วนมูลค่าของหลักประกันต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ระดับประมาณ 70% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2562
การพึ่งพาแหล่งเงินฝากจากลูกค้าธุรกิจในระดับสูง
การพึ่งพาแหล่งเงินฝากขนาดใหญ่จากกลุ่มลูกค้าธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของธนาคาร เงินฝากจากกลุ่มลูกค้าธุรกิจซึ่งมีขนาดเฉลี่ยต่อบัญชีใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้งนั้นมีสัดส่วนประมาณ 80% ของยอดเงินฝากทั้งหมด ณ สิ้นปี 2562 นอกจากนี้ เงินกู้ยืมระหว่างธนาคารและจากตลาดเงินมีสัดส่วนที่สูงอยู่ที่ระดับ 33% ของแหล่งเงินทุนรวม ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 21% ณ สิ้นปี 2560 โดยสัดส่วนดังกล่าวอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสาขาธนาคารต่างประเทศในประเทศไทยและธนาคารไทยที่ประมาณ 11%-13% ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ อยู่ในระดับสูงที่ 133% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563
ต้นทุนทางการเงินของธนาคารที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงวันครบกำหนดชำระที่ยาวนานขึ้นของเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของธนาคารที่จะดำรงสัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องสำหรับใช้รองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) ให้เพียงพอตามเกณฑ์ขั้นต่ำได้ดีขึ้น ธนาคารสามารถควบคุมต้นทุนเงินฝากให้อยู่ในระดับค่อนข้างคงได้ในช่วงปี 2562 เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์รายอื่นๆ ในขณะเดียวกัน สัดส่วนของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ต่อเงินรับฝากของธนาคารก็อยู่ในระดับที่ดีที่ 57% ของเงินฝากรวม ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
สภาพคล่องที่เพียงพอ
ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าสภาพคล่องที่เพียงพอของธนาคารสะท้อนถึงแหล่งเงินกู้สำรองจากธนาคารแม่และสินทรัพย์สภาพคล่องที่เพียงพอรองรับความต้องการด้านแหล่งเงินทุนของธนาคาร ผู้บริหารของธนาคารยังมีแผนจะเพิ่มวงเงินสินเชื่อประเภทที่ไม่สามารถยกเลิกได้ (Committed Credit Facilities) พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้เงินกู้ระหว่างธนาคารกับธนาคารแม่อีกด้วย สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นนี้จะช่วยให้ธนาคารมีสัดส่วน LCR ที่เพียงพอตามเกณฑ์ขั้นต่ำดียิ่งขึ้น โดยอัตราส่วน LCR ของธนาคาร ณ เดือนมิถุนายน 2563 นั้นก็อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของทางการซึ่งอยู่ที่ระดับ 100% สำหรับปี 2563 ในขณะที่สัดส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อหนี้สินระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 28.5% ณ สิ้นปี 2562
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานระหว่างปี 2563-2565 ดังต่อไปนี้
- • อัตราการเติบโตของสินเชื่อ: 3%-5%
- • ต้นทุนทางเครดิต: 0.5% ในปี 2563 0.2%-0.3% ในปี 2564-2565
- • อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม: 1.5%-1.8%
- • อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ: 19%-21%
- • อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิต: 1.9%-2.0%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารเมกะ สากลพาณิชย์ จะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mega ICBC-Taiwan และจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่ต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารอาจเปลี่ยนแปลงในกรณีที่สถานะเครดิตของ Mega ICBC-Taiwan เปลี่ยนไป หรือในกรณีที่มุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารที่มีต่อ Mega ICBC-Taiwan และการสนับสนุนจากกลุ่มนั้นลดน้อยถอยลง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- วิธีการในการจัดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์, 30 มีนาคม 2560
- Group Rating Methodology, 10 กรกฏาคม 2558
ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (Mega ICBC)
อันดับเครดิตองค์กร: AAA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง
ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ