- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Sunday, 19 April 2020 21:30
- Hits: 3011
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'ธ. ทิสโก้' ที่'A' แนวโน้ม 'Stable'
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 7 หมื่นล้านบาทและครบกำหนดไถ่ถอนภายในปี 2568 ของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ธนาคารมีธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ที่มีความมั่นคงรวมถึงเงินกองทุน และรายได้ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดจากธุรกิจการธนาคารของบริษัทที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีจุดแข็งในด้านสินเชื่อรถยนต์ซึ่งมีรายได้ที่กระจายตัวปานกลาง
สถานะทางธุรกิจของธนาคารทิสโก้สะท้อนถึงจุดแข็งของสินเชื่อรถยนต์ซึ่งธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ระดับ 7.8% โดยอยู่ในอันดับที่ 4 ของกลุ่มผู้ให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 18 รายในปี 2561 แต่โดยรวมแล้วธุรกิจการธนาคารของบริษัทยังอยู่ในระดับปานกลาง
การกระจายตัวด้านรายได้ของธนาคารอยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น โดยธนาคารมีรายได้หลักมาจากธุรกิจการปล่อยสินเชื่อซึ่งมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและเงินปันผลคิดเป็น 78% ของรายได้รวมในปี 2562 แม้กระนั้น รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิยังถือว่าเป็นรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวนมากซึ่งมีสัดส่วนถึง 32% ของรายได้รวมในปีเดียวกัน ในส่วนนี้เป็นรายได้จากค่านายหน้าขายประกันที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 48% ของค่าธรรมเนียมและบริการรวม
ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ยังคงเป็นธุรกิจหลักในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย
ทริสเรทติ้ง คาดว่า กลุ่มทิสโก้จะยังคงมุ่งเน้นการใช้ความชำนาญในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันให้เป็นประโยชน์ต่อไป สินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันประกอบด้วยสินเชื่อที่ออกให้ทั้งที่ธนาคารทิสโก้และที่ บริษัท ไฮเวย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของกลุ่มภายใต้ชื่อ 'สมหวัง เงินสั่งได้' ธนาคารมีการดำเนินกลยุทธ์เพิ่มผลตอบแทน
โดยให้ความสำคัญกับสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันในระยะหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2562 สินเชื่อประเภทดังกล่าวของธนาคารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 11.3% ซึ่งสูงกว่าการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ซึ่งอยู่ที่ระดับ -1.3% ทริสเรทติ้งคาดว่าธนาคารจะมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลักโดยเฉพาะสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันซึ่งให้ผลตอบแทนสูงเนื่องจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง
มีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าธนาคารทิสโก้มีสถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งหลาย โดย ณ สิ้นปี 2562 ธนาคารทิสโก้มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ระดับ 17.4% โดยทริสเรทติ้งประมาณการอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารทิสโก้อยู่ที่ระดับ 17%-18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าโดยพิจารณาฐานจากสินเชื่อที่หดตัวในปี 2563 ซึ่งจะกลับมาเติบโตที่ประมาณ 2% หลังจากนั้น และอัตราการจ่ายปันผลที่ระดับ 65%-75% ทั้งนี้ เงินกองทุนชั้นที่ 1 ของธนาคารมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 72% ของเงินกองทุนรวม ณ สิ้นปี 2562 ซึ่งบ่งชี้ถึงคุณภาพเงินกองทุนที่อยู่ในระดับปานกลาง
รายได้ที่แข็งแกร่งช่วยส่งเสริมเงินกองทุน
ทริสเรทติ้ง คาดว่าธนาคารทิสโก้จะคงความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวงจรธุรกิจได้ แม้ว่าสถานการณ์ดอกเบี้ยจะอยู่ในแนวโน้มที่ลดลง แต่ธนาคารก็ยังสามารถคงอัตราผลตอบแทนได้ดีจากการเน้นการเติบโตของสินเชื่อที่มีทะเบียนรถยนต์เป็นหลักประกันซึ่งให้อัตราผลตอบแทนที่ดี ทั้งนี้ การมีอัตราผลตอบแทนที่สูงและการควบคุมคุณภาพที่ดีทำให้ธนาคารมีผลกำไรที่แข็งแรงจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิตซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.8% ในปี 2562 โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 2.1%
ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่าธนาคารจะคงผลกำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิตให้อยู่ในระดับ 3.1%-3.3% ได้ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่อยู่ในระดับต่ำยังช่วยส่งเสริมอัตราการกำไรของธนาคารอีกด้วย อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของธนาคารที่ระดับ 1.8% ในปี 2562 นั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.3% ทริสเรทติ้งยังประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมของธนาคารว่าจะอยู่ที่ระดับ 44%-45% และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 1.3%-1.5% ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า
คุณภาพสินทรัพย์ที่เสื่อมถอยน่าจะระงับได้
แม้ว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ยังไม่อาจจะประเมินได้ แต่ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าการบริหารความเสี่ยงที่ดีและนโยบายการขยายสินเชื่อที่ระมัดระวัง ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะช่วยลดผลกระทบดังกล่าวได้ในส่วนของค่าใช้จ่ายเครดิต ส่วนในด้านคุณภาพสินทรัพย์นั้น อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารอยู่ที่ระดับ 2.4% ณ สิ้นปี 2562 ลดลงจากระดับ 2.9% ณ สิ้นปี 2561 โดยสืบเนื่องมาจากการปรับปรุงระบบการจัดชั้นและการรับรู้รายได้ของสินเชื่อประเภทผ่อนชำระที่เสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562
ทริสเรทติ้ง คาดว่าธนาคารจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ในปี 2563 เอาไว้ได้จากการที่ธนาคารมีสินเชื่อในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงไม่มาก เช่น กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 5% ของสินเชื่อรวม สำหรับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อส่วนใหญ่ของธนาคารนั้นเป็นการปล่อยกู้สำหรับการซื้อรถใหม่ซึ่งมีคุณภาพสินทรัพย์โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดี
การพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากฐานลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ลดลง
สถานะเงินทุนของธนาคารจัดว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยธนาคารพาณิชย์ไทยอื่น ๆ จากการมีสัดส่วนของฐานเงินฝากรายย่อยที่ค่อนข้างน้อย อัตราส่วนบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ (Current Account-Savings Account -- CASA) ต่อเงินฝากรวมยังคงลดลงโดยมาอยู่ที่ระดับ 19% ณ สิ้นปี 2562 จากระดับ 29% เมื่อ 1 ปีก่อน โดยเฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายเงินฝากและต้นทุนการระดมทุนของธนาคารอยู่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่น
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนเงินฝากต่อแหล่งเงินทุนรวมของธนาคารยังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91% ณ สิ้นปี 2562 จากระดับ 79% ในช่วงสิ้นปีก่อน ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประจำและการลดลงของเงินกู้ยืมในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเป็นผลมาจากการที่ธนาคารต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของ ธปท. ในการดำรงแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (Net Stable Funding Ratio -- NSFR) แต่กรณีดังกล่าวก็เป็นผลบวกต่อธนาคารโดยแสดงให้เห็นว่าธนาคารลดการพึ่งพาฐานลูกค้าเงินฝากรายใหญ่ลง ทั้งนี้ ธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากลดลงมาอยู่ที่ระดับ 109% ณ สิ้นปี 2562 จากระดับ 121% ณ สิ้นปีก่อนโดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินฝากและการคงอัตราการขยายสินเชื่อในระดับเดิม
สภาพคล่องเพียงพอ
ทริสเรทติ้ง ประเมินว่าสภาพคล่องของธนาคารทิสโก้มีเพียงพอ โดยธนาคารมีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ระดับ 19% ณ สิ้นปี 2562 ในขณะที่อัตราส่วนสภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 134% ณ เดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำแต่ก็อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ระดับ 179% ตามตัวเลขที่ ธปท. รายงาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์สำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารทิสโก้ในระหว่างปี 2563-2565 เป็นดังนี้
- • อัตราการเติบโตของสินเชื่อจะหดตัวในปี 2563 และจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2% หลังจากนั้น
- • ต้นทุนทางเครดิตจะอยู่ที่ระดับ 1.0%-1.2%
- • อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมจะอยู่ที่ระดับ 2.2%-2.4%
- • อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 จะอยู่ที่ระดับ 17%-18%
- • อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังหักต้นทุนทางเครดิตจะอยู่ที่ระดับ 3.1%-3.3%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าธนาคารทิสโก้จะยังคงดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์เอาไว้ได้ ตลอดจนรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีรายได้ในระดับสูง และมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่งต่อไปได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารทิสโก้ในการรักษาความแข็งแกร่งของเงินกองทุน รวมถึงเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจการธนาคาร และ/หรือเพิ่มความสามารถในการระดมเงินจากแหล่งเงินทุนที่มีความมั่นคงได้ ในขณะที่อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ เงินกองทุน และความสามารถในการทำกำไรของธนาคารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- Banks Rating Methodology, 3 March 2020
- Group Rating Methodology, 10 กรกฏาคม 2558
ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCOB)
อันดับเครดิตองค์กร: A
อันดับเครดิตตราสารหนี้ :
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 70,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2568 A
- TISCO204A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
- TISCO205B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
- TISCO208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A
- TISCO213A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,320 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A
- TISCO223B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,220 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web