WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1.AAA A AAexim

EXIM BANK ออกมาตรการของขวัญปีใหม่ ช่วย SMEs แบกรับต้นทุน ลดภาระหนี้ เข้าถึงเงินทุนปรับปรุงกิจการส่งออก รองรับความผันผวนเศรษฐกิจโลกปี 2563

       นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกและการค้าโลกที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 10 ปีอยู่ที่ 3.0% และ 1.1% ตามลำดับ ในปี 2562 เงินเฟ้อและดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ทำให้การค้าขายไปต่างประเทศประสบความยากลำบาก ประกอบกับคู่แข่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจากการที่ประเทศตลาดใหม่สร้างฐานการผลิตได้เองหรือมีแรงงานผันตัวเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น รวมทั้งการค้าทางออนไลน์ทำได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ส่งออกต้องแบกรับต้นทุนในการดำเนินกิจการ และยังมีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการต้องปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานสากลที่มีข้อกำหนดเพิ่มมากขึ้นให้สามารถแข่งขันได้ ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ

     ดังนั้น EXIM BANK จึงออก ‘มาตรการ EXIM เสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก’ และ ‘มาตรการ EXIM ลดภาระในการชำระหนี้’เพื่อช่วยผู้ส่งออก SMEs ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันของ EXIM BANK ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ให้มีสภาพคล่องมากขึ้นสำหรับนำไปใช้ในกิจการและได้รับการบรรเทาภาระในการชำระหนี้ในภาวะที่อาจได้รับคำสั่งซื้อลดลง แต่ยังคงมีภาระของต้นทุนคงที่ที่กิจการต้องจ่ายทุกเดือน หรือเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ก็สามารถนำมาเบิกใช้สินเชื่อหมุนเวียนได้ รวมทั้งใช้ในการปรับปรุงสินค้าและบริการให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น พร้อมที่จะแข่งขันท่ามกลางตลาดโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงในปี 2563

 

      มาตรการ EXIM เสริมสภาพคล่องผู้ส่งออก ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นผู้ส่งออก ผู้นำเข้าเพื่อผู้ผลิตในการส่งออก และผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก สามารถเลือกได้ที่จะใช้วงเงินกู้ระยะยาวหรือวงเงินกู้ระยะสั้น สำหรับนำไปลดภาระการชำระหนี้และเพิ่มสภาพคล่องกิจการให้มีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับดำเนินธุรกิจส่งออก หรือปรับปรุงเครื่องจักร โรงงาน เทคโนโลยีการผลิต เป็นต้น วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาชำระคืนสูงสุด 7 ปี อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-2 เท่ากับ 3.99% ต่อปี สามารถใช้หนังสือค้ำประกันของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นหลักประกันร่วมกับหลักประกันอื่น ๆ ได้ ฟรีค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อผ่าน บสย. สูงสุด 4 ปี เป้าหมายวงเงินอนุมัติ 2,000 ล้านบาท

      มาตรการ EXIM ลดภาระในการชำระหนี้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้า SMEs ของ EXIM BANK ที่ยังไม่ต้องการวงเงินเพิ่ม แต่ต้องการลดภาระในการผ่อนชำระหนี้รายงวดที่มีกับ EXIM BANK ทั้งเงินกู้ยืมระยะยาวและเงินกู้ยืมระยะสั้น โดยลูกค้าที่มีวงเงินกู้ยืมระยะยาวจะขยายระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 2 ปี กรณีขยายระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ไม่เกิน 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ยลดลงจากเดิม 0.125% ต่อปี ส่วนลูกค้าที่มีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นจะได้รับการเพิ่มสัดส่วนการเบิกกู้และลดอัตราดอกเบี้ย โดยเบิกกู้ได้เพิ่มสูงสุด 95% ของมูลค่า L/C และ 85% ของมูลค่า P/O พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.125% ต่อปีเป็นระยะเวลา 1 ปี มีวงเงินสนับสนุน 4,000 ล้านบาท

       ทั้งสองมาตรการมีระยะเวลาให้บริการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ถึง 31 ธันวาคม 2563 คาดว่าจะช่วยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ราว 15,700 ล้านบาท ช่วยให้เกิดการจ้างงานในระบบ 5,200 ราย เพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาภาระหนี้ของผู้ส่งออก SMEs ได้กว่า 750 ราย ช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ในห่วงโซ่มูลค่าการส่งออก (Export Value Chain) ได้รับการบรรเทาภาระหนี้และต้นทุนการดำเนินกิจการ รวมทั้งใช้โอกาสนี้ปรับปรุงสินค้าและบริการเพื่อให้การส่งออกแข่งขันได้ดีขึ้นในอนาคต

      กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ปัจจุบันที่การส่งออกของประเทศในหลายภูมิภาคทั่วโลกมีทิศทางหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและผลพวงจากสงครามการค้า การส่งออกของไทยปี 2562 ก็มีแนวโน้มจะหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยคาดว่าจะหดตัว 2.0% แต่การส่งออกของไทยยังได้รับผลกระทบน้อยกว่าอีกหลายประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ที่ตั้งแต่ต้นปี 2562 หดตัว 10.7% อินโดนีเซียหดตัว 7.8% มาเลเซียหดตัว 5.0% ญี่ปุ่นหดตัว 4.6% และคาดว่าการส่งออกของไทยในปี 2563 น่าจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งที่ 0-2% EXIM BANK จึงได้ออกมาตรการในปลายปี 2562 นี้ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะ SMEs ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและภาคการส่งออก ยังคงมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะประคองกิจการและไม่หยุดพัฒนากิจการให้เติบโตยิ่งขึ้น สามารถแข่งขันได้ภายใต้มาตรการทางการค้าต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น

      และเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ภาคการส่งออกไทยกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2563 โดยอาศัยจุดแข็ง 3 ประการ ได้แก่ 1. ศักยภาพของสินค้าไทยที่ทนต่อแรงเสียดทานจากความไม่แน่นอนได้ดี ทั้งสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ที่ได้มาตรฐานสากล และสินค้าที่ตอบสนองเมกะเทรนด์โลก รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ในแต่ละช่วงวัยได้ อาทิ สินค้าเครื่องสำอาง เครื่องประดับ เครื่องมือแพทย์ เภสัชภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ 2. การกระจายตลาด ปัจจุบันผู้ส่งออกไทยสร้างสมดุลการส่งออกไปตลาดการค้าเดิมและตลาดใหม่ได้ดี ทำให้สินค้าไทยบางรายการได้อานิสงส์จากการแทนที่สินค้าจีน อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้ในครัวเรือน ขณะที่สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอาหารของไทยสามารถเข้าตลาดญี่ปุ่นได้มากขึ้น รวมทั้งเพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของญี่ปุ่นในปี 2563

      ขณะเดียวกัน ไทยก็มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 50% ไปตลาดใหม่ อาทิ อินเดีย เวียดนาม ฮังการี โปแลนด์ ไนจีเรีย โมร็อกโก และเม็กซิโก รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจที่ขยายตัวกว่า 5% ผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยหนุ่มสาวมีกำลังซื้อมากขึ้น และยังมีความต้องการสินค้าไทยอีกมากในตลาดเหล่านี้ 3. การลงทุนเพื่อสร้างห่วงโซ่มูลค่าใหม่ๆ เพื่อส่งออกมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการลงทุนของต่างชาติในไทยและการลงทุนของนักลงทุนไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งให้สิทธิประโยชน์ทั้งด้านภาษีและไม่ใช่ภาษีแก่นักลงทุน ทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีมูลค่าหรือนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

     “EXIM BANK ออกมาตรการของขวัญปีใหม่ในครั้งนี้เพื่อเร่งเยียวยาความเดือดร้อนของผู้ส่งออก โดยเฉพาะ SMEs ที่มีจำนวนมากและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาวะที่เศรษฐกิจโลกซบเซา เพื่อช่วยให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่สะดุด ไม่สั่นคลอนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาจนกระทบการจ้างงาน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาคครัวเรือนของไทย

      ขณะเดียวกัน ก็เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการผลิตและส่งออกสินค้าหรือบริการของไทยตลอดทั้งห่วงโซ่มูลค่าให้ได้มาตรฐานสากล นำไปสู่การเติบโตของภาคธุรกิจ SMEs ที่แข่งขันได้มากขึ้นตามเทรนด์และทิศทางการค้าโลก มีส่วนแบ่งการตลาดที่มั่นคงและสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจได้มากขึ้น เป็นฐานรากที่เข้มแข็งของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน”นายพิศิษฐ์กล่าว

 

 

EXIM Thailand Launches New Year Schemes to Help SMEs Reduce Cost and Debt and Access Financial Facilities for Export Business Improvement to Cope with Global Economic Volatility in 2020

      Mr. Pisit Serewiwattana, President of Export-Import Bank of Thailand (EXIM Thailand), revealed that, the 2019 global economic and trade expansion at 10-year low rates of 3.0% and 1.1% respectively and the prevailing low inflation and interest rates have dampened Thailand’s international trade. Coupled with the rising number of global players from new frontier markets who were able to build up their own production bases, the increasing labors-turned-entrepreneurs and greater role of online trade, exporters have to bear higher costs in addition to those incurred on improvement of product and service quality to meet international standards that involve increasing rules and regulations, aiming to boost their competitiveness amid the intensifying risks from global economic and political uncertainties.

     Therefore, EXIM Thailand has launched new product programs called “EXIM Liquidity Enhancement for Exporters” and “EXIM Relieving Debt Burden for Clients” to support SME exporters, both new and existing clients in all sectors, so that they have higher business liquidity and lower debt burden in the face of possible decrease in purchase orders against fixed monthly costs and expenses. They can drawdown revolving credit to meet the incoming orders and develop their products and services for higher value added and higher competitive edge to cope with global market uncertainties going into 2020.

      EXIM Liquidity Enhancement for Exporters is aimed to support SMEs that are exporters, importers for export-oriented producers, and producers for exporters. They are offered short-term and long-term loan choices to reduce their debt repayment burden and enhance their business liquidity with higher working capital to fund their export activities or improvement of their machinery, factories, manufacturing technology, etc. Each loan carries a maximum 7-year tenor, credit line of up to 20 million baht per borrower, and an interest rate of 3.99% per annum for years 1-2. It can be secured by a letter of guarantee from Thai Credit Guarantee Corporation (TCG) in conjunction with other collateral assets. Moreover, no TCG credit guarantee fee is chargeable up to four years. Total credit approval is targeted at 2,000 million baht.

      EXIM Relieving Debt Burden for Clients is aimed to support SME clients who do not require additional credit facilities but reduction of installment repayment of short-term and long-term loans. For long-term loan clients, a loan rescheduling can be approved for up to two years. In case of rescheduling for not more than one year, the Bank will grant a reduction of interest rate by 0.125% per annum. As for short-term loan clients, an increase in loan drawdown proportion and reduction of interest rate will be granted. Each client may drawdown up to 95% of L/C value and 85% of P/O value and have interest rate cut down by 0.125% per annum for one year. Total support amount is targeted at 4,000 million baht.

      Both schemes are available from December 2019 until 31 December 2020. Approximately 15,700 million baht is expected to be injected into the economic system to create 5,200 job opportunities, increase liquidity and relieve debt burden for more than 750 SME exporters. This will enable SMEs in the export value chain to carry less debt burden and lower operating costs, as well as to develop their products and services for higher competitive advantage.

      EXIM Thailand President further said that exports of countries in several regions around the world have currently tended to contract in line with global economic slowdown and as repercussion from the trade war. Thai export in 2019 has also been on a shrinking trend for the first time in four years, predicted at 2.0%, which is however still lower than those of such countries as South Korea 10.7% since early 2019, Indonesia 7.8%, Malaysia 5.0% and Japan 4.6%. Thai export in 2020 is forecast to expand by 0-2%. In view of this, EXIM Thailand has rolled out schemes toward the end of 2019 to assist Thai exporters, particularly SMEs who are the key engine to drive Thai export and economic growth, in running their businesses with adequate liquidity and ongoing development to ensure their competitive potential under the increasing international trade barrier circumstances.

     They are expected to be part of the stimulators of Thai export recovery in 2020 based on the following three strengths:  1. High resilience of Thai goods comprising agricultural and processed agricultural products that are of international standards, products that can well respond to global mega-trends and suit behaviors of consumers in each generation, e.g. cosmetics, ornamental accessories, medical instruments, pharmaceuticals, electrical appliances and motorcycles; 2. Market distribution At present, Thai exporters have well balanced their export to new and existing markets, thus allowing certain export items to substitute for those from China, such as rubber products, apparel products, electrical appliances and household appliances.

     Some Thai foods and electrical appliances can also penetrate Japanese market, especially those to serve the Olympic Games to be hosted by Japan in 2020. Moreover, approximately 50% of Thai export today has gone to new frontier markets like India, Vietnam, Hungary, Poland, Nigeria, Morocco and Mexico, to accommodate their healthy economic growth rates of more than 5%, higher purchasing power of new generation consumers, and consistently high demand for Thai goods; 3. Greater investment in new export value chains Increase in foreign direct investment and investment by Thai investors has been seen especially along the Eastern Economic Corridor (EEC) which offers both tax and non-tax benefits to investors. This has accordingly enhanced Thai export value or innovation as well as environmental friendliness toward long-term, sustainable competitiveness.

     “EXIM Thailand has rolled out the New Year schemes as a fast track to relieving problems facing exporters, especially SMEs, who are in a large number and play a key role in driving Thai economy amid the global economic downturn today to ensure private entities run their businesses uninterruptedly and are not shaken by the sluggish economy to the extent of massive redundancy and subsequent impacts on household economy. The schemes are also intended to promote development of Thai goods and service production and export all through the value chain to meet international standards. This should accordingly grow strong Thai SME business with greater competitive edge in response to global trade and trend and with solid market share, and bring about fresh business opportunities, which will pave way for Thailand’s economic and social development toward sustainability,” added Mr. Pisit.

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

ais 790x90GC 790x90

sme 720x90banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!