- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Wednesday, 08 October 2014 21:14
- Hits: 2662
กสิกรไทยจับมือกรมส่งเสริมฯ บีโอไอ และดิ อีคอนอมิสต์ เตรียมจัดสุดยอดการประชุมระดับภูมิภาค พร้อมลุยเออีซีบวกสาม
ธนาคารกสิกรไทยผนึกกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ บีโอไอ และดิ อีคอนอมิสต์ จัดงาน The AEC+3 Summit & Expo 2014 สุดยอดงานสัมมนาระดับภูมิภาค ระดมความคิดผู้นำในเออีซีบวกสาม พร้อมงานแสดงสินค้าในภูมิภาคกว่า 150 บูธ และครั้งแรกกับความร่วมมือระหว่างธนาคารในภูมิภาคอาเซียน 40 ธนาคาร จาก 13 ประเทศเพื่อยกระดับบริการทางการเงินสู่มาตรฐานสากล คาดการณ์ในอีก 10 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจเออีซีมีจีดีพีโตเฉลี่ยปีละ 7%
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ทั่วโลกต่างจับตามองความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2558 ที่จะถึงนี้ อันเนื่องจากศักยภาพทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความน่าสนใจ ด้วยจำนวนประชากรรวมที่มีถึง 600 ล้านคน ซึ่งนับเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจใน AEC จะมีจีดีพีเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 7% ต่อปี นอกจากนี้ กลุ่มประเทศ AEC ได้ขยายการรวมตัวไปสู่ประเทศชั้นนำด้านเศรษฐกิจของเอเชีย ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หรือ AEC+3 ซึ่งได้เข้ามาทำการค้าและการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้มีการเติบโตรุดหน้า
ธนาคารกสิกรไทย จึงร่วมมือกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และนิตยสารดิ อีคอนอมิสต์ จัดงาน The AEC+3 Summit & Expo 2014 ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 ที่จะถึงนี้ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอนด์ บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แอทเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจไทยได้เพิ่มองค์ความรู้และมีโอกาสลต่อยอดธุรกิจของตนให้สามารถรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้ พร้อมเดินหน้ายกระดับการให้บริการด้านการเงินการธนาคารในภูมิภาคนี้ โดยงานดังกล่าวประกอบด้วยกิจกรรม 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่
งานสัมมนา The AEC+3 จะดำเนินการโดย ดิ อีคอนอมิสต์ อินแทลิเจนซ์ ยูนิท (The Economist Intelligence Unit) บริษัทในเครือนิตยสารดิ อีคอนอมิสต์ นิตยสารด้านธุรกิจชั้นนำของโลก ซึ่งจะเชิญวิทยากรที่เป็นบุคคลระดับผู้นำจากภาครัฐ นักธุรกิจชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ นักวิชาการระดับโลกและตัวแทนจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ที่จะร่วมระดมความคิดในการพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจและวางยุทธศาสตร์ประเทศ และในอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ยานยนต์และชิ้นส่วน การท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยและผู้ประกอบการให้พร้อมรับการรวมตัวของ AEC+3 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารฯ คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาจำนวนกว่า 1,300 คน
งานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจที่จะมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและสินค้าด้านอุปโภค-บริโภค จากประเทศใน AEC+3 อาทิ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองจากธนาคารพันธมิตรของธนาคารกสิกรไทย ร่วมออกบูธแสดงสินค้ากว่า 150 บูธ โดยมีผู้สนใจลงทะเบียนร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจแล้วกว่า 500 คู่ และคาดหมายว่าภายในงานดังกล่าวจะมีการจับคู่ธุรกิจ มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท
การจัดทำ Bangkok Declaration ด้วยธนาคารกสิกรไทยเล็งเห็นว่า การสร้างนวัตกรรมและมาตรฐานการให้บริการด้านการเงินการธนาคารในภูมิภาคให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันในระดับสากลถือเป็นวาระสำคัญ ควบคู่กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้บุคลากรในแวดวงการธนาคารของอาเซียนมีความพร้อมในการให้บริการแก่ธุรกิจข้ามชาติใน AEC+3 ได้ จึงได้ริเริ่มการประกาศปฏิญญากรุงเทพ (Bangkok Declaration) อันจะมุ่งสู่การพัฒนาบริการด้านการเงินและการร่วมมือกันเพื่อรองรับลูกค้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผ่านสถาบัน Taksila-ASEAN Banker Academy
Taksila-ASEAN Banker Academy จะเป็นเวทีให้นักการเงินการธนาคารในภูมิภาคมาพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ด้านธนาคาร (Banking Experience) และเป็นพื้นที่ระดมความคิด อันจะนำไปสู่สร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อยกระดับการให้บริการไปสู่สากล อีกทั้งยังขยายขอบเขตพื้นที่การให้บริการออกไปให้กว้างยิ่งขึ้น โดยเป็นการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรท้องถิ่นต่างประเทศในการออกผลิตภัณฑ์และบริการแก่ลูกค้าในประเทศนั้นๆ ซึ่ง Taksila-ASEAN Banker Academy จะประกอบด้วย 2 โปรแกรม คือ โปรแกรมสำหรับนักการเงินการธนาคาร และโปรแกรมสำหรับผู้บริหารและผู้นำระดับสูง
การบรรลุข้อตกลง Bangkok Declaration จะถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคที่ธนาคารผู้ให้บริการในประเทศต่างๆ จะสร้างความร่วมมือระหว่างกันในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการลูกค้าให้ได้มาตรฐานเดียวกันในระดับสากล
นายธีรนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า งาน The AEC+3 Summit & Expo 2014 จะเป็นเวทีสำคัญที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจไทย ได้เข้าถึงองค์ความรู้และวิสัยทัศน์ในระดับสากล เพื่อจะสามารถนำมาใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ รวมถึงการสร้างพันธมิตรและเครือข่ายธุรกิจในระดับประเทศให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง อันจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในตลาดภูมิภาคนี้ ขณะเดียวกันธนาคารฯตั้งเป้าหมายให้ Bangkok Declaration ที่จะเกิดขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นในการยกระดับการให้บริการของภาคการธนาคารในภูมิภาคนี้ให้เป็นสากลและมีมาตรฐานบริการเดียวกัน พร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภาคธุรกิจการธนาคาร ให้สามารถรองรับธุรกิจข้ามชาติที่จะเกิดขึ้นในตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้
ร.อ.สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DIPT) เปิดเผยว่า บทบาทของกรมส่งเสริมการค้าฯ ในฐานะพันธมิตรผู้จัดงานนี้ จะมุ่งเน้นด้านการสนับสนุนข้อมูล รวมทั้งการนำเสนอธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมงานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจด้วย เพื่อสนับสนุนธุรกิจไทยในการเข้าตลาดและรักษาตลาดการค้าในต่างประเทศ ทั้งนี้ ตัวเลขการค้าระหว่างไทยและAEC+3 ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. ปี 2557 มีมูลค่า 3,725,335 ล้านบาท สำหรับผลของการรวมตัวของ AEC+3 ที่มีต่อการค้าของไทย เชื่อว่าทิศทางของการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศใน AEC+3 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะก่อให้การเชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่ทางธุรกิจ ซึ่งการรวมตัวของ AEC+3 นอกจากจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจไทยไปสู่ตลาดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ในทางกลับกัน ก็จะมีความท้าทายจากการแข่งขันกับธุรกิจในตลาดที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญในการหาข้อมูลและปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ อาทิ การพัฒนาแบรนด์ของสินค้า หรือเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า บทบาทของบีโอไอ ในงาน AEC+3 Summit & Expo 2014 จะเป็นการสนับสนุนข้อมูลด้านสิทธิประโยชน์ที่ประเทศไทยจะมีให้แก่นักลงทุน ซึ่งบีโอไอมั่นใจว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วยตอกย้ำยุทธศาสตร์ของไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้าของอาเซียนได้อย่างชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.ปี 2557 ประเทศในกลุ่ม AEC+3 ได้เข้ามาลงทุนในอาเซียนคิดเป็นร้อยละ 50 จากมูลค่าการลงทุนทั้งหมด ประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของอาเซียนด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แรงงานที่มีศักยภาพสูง ประกอบกับการมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับการลงทุนจากนานาชาติ ทว่าการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอาจส่งผลให้ประเทศไทยพบความท้าทายหลายประการ แต่อย่างไรก็ตามบีโอไอก็พร้อมที่จะนำเสนอแผนสนับสนุนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาในไทย (Inbound Investment) และนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ (Outbound Investment) ที่จะมอบสิทธิประโยชน์ทั้งในด้านภาษีและด้านอื่นๆ ด้วย
มร.ชาร์ลส์ โกดาร์ด Editorial Director, Asia-Pacific, ดิ อีคอนอมิสต์ อินแทลิเจนซ์ ยูนิท เปิดเผยว่า การจัดงานสัมมนา The AEC+3 Summit & Expo 2014 ดังกล่าว จะช่วยให้ภาคธุรกิจเตรียมความพร้อมต่อการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยการให้ข้อมูลบริบททางเศรษฐกิจอย่างครบถ้วนทุกมิติ ทั้งภาพรวมการค้าและการลงทุนในภูมิภาคนี้ ความท้าทายทางภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจาะลึกแนวโน้มอุตสาหกรรมต่าง ๆ หลังการเกิดเออีซี และบทบาทของไทยในอาเซียน
ผู้เข้าร่วมการสัมมนา ประกอบด้วยบุคคลระดับผู้นำจากภาครัฐบาล ธุรกิจ นักวิชาการและสถาบันระหว่างประเทศ ที่จะร่วมระดมความคิดเพื่อผลักดันการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และคัดกรองความเป็นจริงออกจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยผ่านการบรรยายและการหารืออย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับภาคธุรกิจของไทย นอกจากนี้ นักลงทุนจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียก็จะได้ประโยชน์จากความเจริญในภูมิภาคนี้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาถึงขั้นตอนที่จำเป็นก่อนการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์จะเกิดขึ้นได้ และจะมุ่งสู่การมอบเครื่องมือที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงแก่ผู้นำทางธุรกิจและนักลงทุน เพื่อช่วยในการวางยุทธศาสตร์สำหรับการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป
KBank, DITP, BOI and The Economist to hold a regional summit and exhibition on AEC+3
KASIKORNBANK, the Department of International Trade Promotion (DITP), the Office of the Board of Investment (BOI), and The Economist magazine will organize “The AEC+3 Summit & Expo 2014”, a summit of market leaders in the ASEAN Economic Community Plus Three (AEC+3) and a regional exhibition with more than 150 booths. This will be the first show of such regional cooperation with the participation of 40 banks from 13 nations, a move to enhance financial services to international standards. AEC economic growth is expected to average 7 percent over the next decade.
Mr.Teeranun Srihong, KASIKORNBANK President, said AEC inception in 2015 is now in the spotlight. The region’s economic power is significant, with a total population of 600 million, or the world’s third-largest market. Over the next decade, AEC economic expansion is expected to average 7 percent per annum. Under AEC+3, the regional cooperation is extended to cover Asian economic leaders China, Japan and South Korea, which will lead to consistent, high growth in trade and investment as well as the economy in this part of the world.
KBank, DIPT, BOI and The Economist magazine will hold “The AEC+3 Summit & Expo 2014” on November 3 at the Centara Grand & Bangkok Convention Centre at CentralWorld. The event aims to enhance knowledge and business extension for Thai businesses ahead of the AEC inception, as well as upgrading regional financial and banking services. The event has three major parts as follows:
The AEC+3 Summit: The summit will be held by The Economist Intelligence Unit, a subsidiary of The Economist, the world’s leading business magazine, with participation of speakers who are government officials, domestic and international business leaders, world-renowned academics, and representatives from international financial institutions. Brainstorming in business development and strategic planning for countries and major industries – namely food and beverages, autos and parts, and tourism and service businesses will be conducted. The summit hopes to help prepare Thailand and its business operators ahead of the upcoming AEC+3 integration. KBank expects at least 1,300 participants to attend the summit.
Trade Exhibition and Business Matching: Businesses in food and consumer industries from AEC+3, including China, Japan, Indonesia and Vietnam, will present their products in more than 150 booths at the event. They are recognized by KBank’s partner banks in their respective country. At least 500 business-matching deals have been registered and at least 6 billion Baht of business agreements is anticipated at the event.
Bangkok Declaration: KBank believes that building of regional financial and banking innovations and standards towards a common international platform should be a major regional agenda. In addition, ASEAN banking personnel development should be in place to enable service offering for multilateral companies in AEC+3. Therefore, the Bank has initiated the “Bangkok Declaration” through the Taksila-ASEAN Banker Academy, a move to enhance financial services and create regional cooperation to accommodate AEC customers.
The Taksila-ASEAN Banker Academy will act as a regional arena for financiers and bankers to share their business know-how and banking experience, to brainstorm for financial innovations towards international-standard services, and to expanded service networks through cooperation with local partners in product and service launches in local markets. The Taksila-ASEAN Banker Academy comprises two programs: a program for financiers and bankers; and a program for senior executives and leaders.
The achievement of the Bangkok Declaration will be the first of its kind in the region, a commitment stating that financial service providers in all ASEAN member states will create a common standard for international customer service quality.
Mr.Teeranun added that the AEC+3 Summit & Expo 2014 is a major stage to enable Thai business operators to access international knowledge and visions that they can utilize in their own business strategy development, and to establish international business partnerships and networks. This will become a significant mechanism driving businesses in the regional market. The Bangkok Declaration, he said, will be a starting point for regional banking service enhancement towards common international standards. Human resource development in the banking business sector will be promoted to support cross-border business operations in AEC.
Capt. Suwipan Thisyamondol, DITP Deputy Director-General, said DITP will provide relevant information and encourage businesses in target industries to participate in the exhibition and business-matching activity, with an aim of encouraging Thai companies to access the regional market and build their market share overseas. Over the first eight months of 2014, trade between Thailand and AEC+3 registered 3.73 trillion Baht. Upon the AEC+3 integration, the trade figure in this area is expected to increase consistently, while new business chain networks are created. Apart from increased business opportunities for Thai firms in this larger market, challenges from market competition will be intense. Therefore, it is important for Thai operators to seek relevant information and new strategies to cope with the changing market environment, e.g., brand building, and value-added product innovations.
According to Mr.Chokedee Kaewsang, BOI Deputy Secretary-General, BOI will provide beneficial information on tax privileges for investors participating in the AEC+3 Summit & Expo 2014. The BOI is confident that the event will emphasize Thailand’s strategy to become an ASEAN trade hub. From January to April 2014, investments from AEC+3 to ASEAN markets represent half of the total regional foreign investment. Thailand has high potential to become an ASEAN economic hub, given its abundant national resources, highly-skilled labor, and efficient infrastructures to support international investment. At the same time, AEC integration may bring about a number of challenges for the country. However, BOI is ready to offer supporting plans for both inbound and outbound investment in terms of taxes and non-tax privileges.
Mr. Charles Goddard, Editorial Director, Asia-Pacific, The Economist Intelligence Unit, said the event will help prepare the business sector for the upcoming regional business pact with economic contexts in all relevant dimensions, including the regional trade and investment outlook, geopolitical challenges in Southeast Asia, in-depth analysis of target industries after the integration takes place, and Thailand’s role in ASEAN.
The AEC+3 briefing will bring together leaders from government, business, academic and multilateral institutions to examine the move towards greater economic integration in South-East Asia and sift the reality from the hype. Fact-driven briefings and frank discussion will explore the opportunities that integration will bring for Thailand’s economy, for business and for investors from China, Japan, Korea and around Asia who are looking to capitalize on the region’s growth. It will also take a realistic look at the steps still to be taken before full economic community is achieved, and will arm business leaders and investors with a practical toolkit to help them plan their strategy towards the AEC.