- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Monday, 28 January 2019 18:48
- Hits: 21844
กสิกรไทย ประกาศพันธกิจสร้างบริการเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน ผนวกไอที-ดาต้า-คน-พันธมิตร สู่ธุรกิจแบงก์ยุคใหม่
การต่อสู้ครั้งสำคัญ เมื่อลูกค้าและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว กสิกรไทยประกาศพันธกิจสู่ธุรกิจแบงก์ยุคใหม่ ต้องแกร่งทั้งในประเทศ พร้อมขยายสู่ต่างประเทศ จัดทัพคน ไอที ดาต้าและพันธมิตร ให้บริการตรงใจ ไปทุกที่ที่ลูกค้าอยู่ หวังใช้ดาต้าช่วยปล่อยกู้ปีนี้ 30,000 ล้าน สินเชื่อรายย่อยโต 9-12% จับตาตลาด CCLMVI คาดรายได้ธุรกิจในต่างประเทศโตกว่า 8 เท่า ใน 3 ปีข้างหน้า
แกร่งในไทย ก้าวไกลข้ามเขตแดน เป็นหนึ่งในอาเซียน
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในบริบททางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมของธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ภาคธนาคารต้องปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะด้านพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยี เห็นได้จากปริมาณธุรกรรมบนโลกดิจิทัลที่ขยายตัวต่อเนื่อง มีสัดส่วนประชากรที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ 82% ทำธุรกรรมบนโมบายแบงกิ้ง 74% และซื้อสินค้าออนไลน์ 48.5% ของประชากรไทยทั้งหมด
ภาคธนาคารไทยจึงเดินหน้าสู่การเป็นตัวกลางทางการเงินหลักที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการร่วมมือสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่สำคัญ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย อาทิ โครงการพร้อมเพย์ที่มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 46.5 ล้านไอดี มีปริมาณธุรกรรม 4.5 ล้านรายการต่อวัน การสร้างมาตรฐานคิวอาร์ โค้ด ระบบชำระเงินสำหรับประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรก มีร้านค้าใช้งานคิวอาร์ โค้ด แล้ว 3 ล้านราย การขยายศักยภาพ ITMX ระบบกลางที่รองรับธุรกรรมข้ามธนาคารให้เป็น 1,000 รายการต่อวินาที และธนาคารสมาชิกจะเพิ่มความสามารถของระบบแต่ละธนาคารเป็น 2 เท่าภายในปีนี้ โครงการสนับสนุนการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตแทนเงินสด ส่งผลให้ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรเดบิตทั้งสิ้น 59 ล้านใบ มีเครื่องรูดบัตร (EDC) รวม 700,000 เครื่อง โครงการ TB-CERT เพื่อความมั่นคงและปลอดภัยของระบบไอทีของสถาบันการเงิน ปัจจุบันสมาชิก 23 องค์กรมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและฝึกซ้อมรับสถานการณ์ภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง
ภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ คนไทยจะได้รับบริการทางเงินใหม่ ๆ จากธนาคารไทย ที่เกิดจากความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ การต่อยอดโครงการพร้อมเพย์จากการให้บริการคิวอาร์ โค้ด มาตรฐานไทยในประเทศ สู่การให้บริการ คิวอาร์ โค้ด มาตรฐานไทยในประเทศ CLMV+3 ที่จะทำให้ผู้ชำระเงินที่มีแอป โมบาย แบงกิ้ง ของธนาคารไทยทุกธนาคาร สามารถสแกนชำระเงินนอกประเทศได้ และบริการร้านค้าสแกนคิวอาร์ โค้ด ของลูกค้าผู้ชำระเงิน (B Scan C) ที่จะช่วยให้การชำระเงินสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
โครงการ Thailand Blockchain Community Initiative เริ่มให้บริการด้านหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee) โดยมีสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศ 22 ธนาคาร กลุ่มภาคธุรกิจและรัฐวิสาหกิจ 7 กลุ่มเข้าร่วม คาดว่าในปีนี้จะมียอดธุรกรรมประมาณ 40,000 รายการ และจะมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาร่วมโครงการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดธุรกรรมในปีต่อไปเติบโตแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้ จะมีการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนไปต่อยอดสู่บริการรับรองเอกสารทางการศึกษา (E-Transcript) ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจ เพิ่มความสะดวก ให้แก่นิสิต นักศึกษาที่จบใหม่ รวมทั้งบุคคลที่ต้องการหาตำแหน่งงานและองค์กรที่กำลังเปิดรับบุคลากร
โครงการ National Digital ID (NDID) ที่ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านระบบออนไลน์ ช่วยให้เปิดบัญชีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องไปแสดงตนที่สาขา การขอสินเชื่อและการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ทางออนไลน์ รวมทั้งโครงการเอทีเอ็มสีขาว (White-Label ATMs) ที่จะช่วยให้ธนาคารบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ตอกย้ำความก้าวหน้าของระบบธนาคารไทยที่อยู่ในระดับแนวหน้าของอาเซียน
นายปรีดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารของไทยได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบและบริการเพื่อยกระดับการให้บริการของสถาบันการเงินในประเทศไทยให้อยู่ระดับแนวหน้าในอาเซียน หลายบริการได้พัฒนาเทียบเท่าประเทศชั้นนำของโลก นำไปสู่ประโยชน์สูงสุดของลูกค้า ซึ่งก็มีการปรับตัวเข้าสู่บริการในยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง และเอื้อให้เศรษฐกิจไทยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างมั่นคงและยั่งยืนเช่นกัน
มหัศจรรย์บิ๊กดาต้า เจาะลึกแบบรู้ใจรายคน ดันปล่อยกู้ 3 หมื่นล้านบาท
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าผนวกกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ใช้ช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ทำให้ปริมาณข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมหาศาล การใช้ชีวิตของลูกค้าที่มีความหลากหลายมิติ และมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ธนาคารจึงเดินหน้าเพิ่มศักยภาพด้าน Analytics ในการแปลงข้อมูลมาเป็น insight เพื่อให้รู้ใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพื่อเสนอบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล ดังนี้
สร้างประสบการณ์ที่สะดวกไร้รอยต่อ ทุกที่ ทุกเวลา (Frictionless, Anywhere, Anytime)ปัจจุบัน ลูกค้าใช้ชีวิตอยู่ในโลกดิจิทัลมากขึ้นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ธนาคารกสิกรไทยจะตามเข้าไปดูแลลูกค้า เพื่อพร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าเรื่องการชำระเงินทุกที่ ทุกเวลา แบบไร้รอยต่อ การนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ผสานกับศักยภาพด้าน Data Analytics ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบบริการให้ชีวิตลูกค้าง่ายกว่าเดิม เช่น เพียงแค่ใบหน้าก็สามารถเปิดบัญชีได้โดยไม่ต้องไปสาขา แค่ใช้เสียงก็สามารถจ่ายเงินได้โดยไม่ต้องพกกระเป๋าเงิน หรือการถอนเงินโดยไม่ต้องใช้บัตรหรือโทรศัพท์มือถือ
ตอบสนองลูกค้าได้เฉพาะเจาะจง และเข้าถึงทุกคน จากการที่รู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ทำให้ธนาคารเสนอบริการที่ตรงใจมากขึ้น และสามารถขยายการให้บริการไปสู่ฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นได้ โดยช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่ม Unbanked และ Underbanked ที่มีการเดินบัญชีผ่านธนาคารน้อย หรือไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ที่สม่ำเสมอ
บริการที่กระชับ อัตโนมัติ และใช้เอกสารน้อย การก้าวเข้าสู่การเป็น Data-Driven Bank อย่างเต็มตัว ทำให้ธนาคารสามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน สามารถขยายบริการเพื่อรองรับลูกค้าได้รวดเร็ว และวงกว้างมากยิ่งขึ้น และช่วยลดภาระให้แก่ลูกค้าในการยื่นเอกสาร ลูกค้าจะได้รับความสะดวก ปลอดภัย
ธนาคารให้ความสำคัญสูงสุดต่อการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า โดยพนักงานทุกคนจะต้องถือปฏิบัติตามกฎระเบียบเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์จะไม่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้ และธนาคารจะไม่มีการแชร์ข้อมูลลูกค้าโดยเด็ดขาด หากปราศจากการให้ความยินยอมของลูกค้า เพื่อผลักดันให้ใช้ข้อมูลมาเป็นส่วนขับเคลื่อนการสร้างบริการที่เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้า ธนาคารกสิกรไทยได้สร้างความพร้อมใน 4 ด้าน ได้แก่
ด้านข้อมูล ธนาคารมีข้อมูลพร้อมให้ทุกฝ่ายงานในองค์กรสามารถนำไปวิเคราะห์ประกอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ด้านเทคโนโลยี ได้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
ด้านบุคลากร ที่เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดการสร้างคุณค่าทางธุรกิจจากข้อมูล (Data) ธนาคารได้พัฒนาศักยภาพด้าน Data Analytics ให้กระจายอยู่ในทุกส่วนของธนาคาร ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาบุคลากรด้าน Business Analytics ไปแล้วกว่า 500 คน และ Machine Learning Analytics จำนวน 284 คน
ด้านวัฒนธรรมองค์กรแห่งการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เป็นการผสานความฉลาดของคนเข้ากับเทคโนโลยี (Augmented Intelligence) เพื่อไปสู่การเป็นธนาคารอัจฉริยะ (Cognitive Banking) และในด้านกระบวนการทำงาน ธนาคารได้มีการปรับโครงสร้างการทำงานภายใน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลและบริการลูกค้าให้ดียิ่งกว่าเดิม จึงปรับโครงสร้างเพื่อมุ่งเน้น 3 ด้าน ได้แก่ กลุ่มงานด้านการขายและบริการ ที่มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าแบบรายบุคคล (Segment of One) กลุ่มงานยุทธศาสตร์ ที่มุ่งเน้นด้านการนำข้อมูลมาสร้างประโยชน์ให้แก่ธนาคาร และกลุ่มงานด้านผลิตภัณฑ์ ที่มุ่งนำเสนอนวัตกรรมบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจ
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าหมายปี 2562 ของ Data-Driven Lending เป็นวงเงิน 30,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายการนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจจนสร้างรายได้มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% ของรายได้ทั้งหมด
'QR Code ข้อมูลตามที่ปรากฏในสไลด์'
ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจในต่างประเทศ โตกว่า 8 เท่าใน 3 ปีภายใต้เศรษฐกิจผสานมิติ
นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า มีความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นในโลกตลอดเวลาและยากจะคาดเดา เช่น การเกิดสงครามการค้า ดิจิทัลเทคโนโลยีที่มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค เป็นต้น เกิดเป็นความท้าทายที่สั่นสะเทือนธุรกิจให้ต้องปรับมุมมองความคิดและกล้าที่จะเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอดในยุคที่เรียกว่า “เศรษฐกิจผสานมิติ (Augmented Economy)” คือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีมีการเชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างผสมผสานกลมกลืน ทุกธุรกิจจะอยู่รอดได้ต้องใช้ทักษะความชำนาญที่มีบวกกับการนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด
'ภายใต้เศรษฐกิจผสานมิติ' ธนาคารกสิกรไทยจึงปรับกระบวนทัศน์ในการทำธุรกิจเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมผลักดันธุรกิจไทยสู่ต่างประเทศและเชื่อมโยงการค้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผู้บริโภครายย่อย ด้วยแนวคิด 3 ด้าน ได้แก่ Beyond Frontier คือ มองถึงโอกาสในตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CCLMVI (จีน กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และอินโดนีเซีย) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูง ด้วยขนาดเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในปี 2573 กลุ่มประเทศ CCLMVI จะมีจีดีพีรวมอยู่ที่ 28.64 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ใหญ่กว่าเศรษฐกิจไทยถึง 41 เท่า และมีประชากรรวมมากกว่าไทยถึง 28 เท่า Beyond Banking มองโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นและวางเป้าหมายที่จะอยู่ในทุก ๆ ช่องทางที่ลูกค้าใช้ชีวิต Beyond Competition คือ มองหาโอกาสร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ ทั้งฟินเทค สตาร์ทอัพ ข้ามประเทศ ข้ามอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับการให้บริการของธนาคารและเสริมศักยภาพให้ธุรกิจไทยสามารถเข้าสู่ตลาด CCLMVI ได้
KVision คือ บริษัทของธนาคารกสิกรไทยที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแสวงหาเทคโนโลยีและลงทุนในฟินเทค หรือ สตาร์ทอัพ ด้วยเงินลงทุนกว่า 8 พันล้านบาท โดย KVision ได้จัดตั้ง Innovation Lab ขึ้น ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อิสราเอล จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อเฟ้นหา Innovation, Tech Partner, และ Tech Talent ใหม่ ๆ เพื่อนำมาสนับสนุนการพัฒนาบริการของธนาคารใน CCLMVI ควบคู่กับแสวงหาเทคโนโลยีที่ช่วยต่อยอดธุรกิจให้ลูกค้าไทยเข้าสู่ตลาดใหม่ที่ไร้พรมแดน
ในปีนี้ธนาคารกสิกรไทยจะเชื่อมโยงลูกค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคใน CCLMVI ได้ด้วยการนำเสนอ 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1)ให้คำแนะนำและเชื่อมโยงพันธมิตรในท้องถิ่น (Local Partnership & Insight) ให้กับลูกค้าจากช่องทางและพันธมิตรที่มีอยู่ครบทุกประเทศ ทำให้เข้าใจบริบทของการทำธุรกิจในแต่ละประเทศ 2)ให้บริการทางการเงินเพื่อเชื่อมโยงการค้าระหว่างลูกค้ากับคู่ค้า (Cross-Border Value Chain Solution) ในต้นปีนี้ธนาคารจะเริ่มให้บริการ Solution ดังกล่าวในลาวและกัมพูชาก่อน โดยการนำระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยให้การชำระค่าสินค้าระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเกิดความคล่องตัวยิ่งขึ้น สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3) สร้างแพลตฟอร์มการชำระเงินแห่งภูมิภาค (Single Regional Payment Platform) เพื่อสร้างความสะดวกสบายและเข้าถึงผู้บริโภครายย่อยในภูมิภาคผ่านแพลตฟอร์มของธนาคาร โดยปัจจุบันธนาคารได้เริ่มแผนการดังกล่าวจากโครงการ 'QR KBank' แอปฯ กระเป๋าเงินออนไลน์สำหรับชาวเวียงจันทน์ใน สปป.ลาว ให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ใช้เงินสด สนองนโยบายรัฐบาล สปป.ลาว นำร่องให้บริการที่ตลาดหนองจัน หรือ “ตลาดขัวดิน” เป็นพื้นที่แรก ตั้งเป้าปี 2562 นี้ จะมีธุรกรรมผ่าน 'QR KBank' ประมาณ 2 ล้านรายการ มูลค่ากว่า 36,000 ล้านกีบหรือประมาณ 115 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงินแห่งภูมิภาค ช่วยให้ธนาคารเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้จ่ายด้วยระบบดิจิทัล (Digital Spender) ในลาวอีกด้วย พร้อมตั้งเป้าหมายขยายการให้บริการและเชื่อมต่อแพลตฟอร์มเข้าด้วยกันทั่ว CCLMVI ในอนาคต
นายพิพิธ กล่าวตอนท้ายว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศกว่า 8 เท่า ภายใน 3 ปีข้างหน้า ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้นในยุคเศรษฐกิจผสานมิติ (Augmented Economy) ยังมีตลาด CCLMVI ที่มีศักยภาพมากมายรออยู่ ด้วยกลยุทธ์ข้างต้นธนาคารพร้อมเดินหน้าด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อการเข้าถึง เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคท้องถิ่นและเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทั่วภูมิภาค พร้อมพาธุรกิจไทยข้ามพรมแดนสู่การเติบโตไปด้วยกัน
เดินหน้าหาลูกค้าใหม่ มุ่งรายย่อยโต 9-12%
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ด้วยปัจจัยท้าทายทั้งจากแนวโน้มเศรษฐกิจ การแข่งขัน และ Disruption ต่าง ๆ ตลอดจนการแข่งขันของธุรกิจดิจิทัลแบงกิ้งอย่างเข้มข้นที่นำไปสู่การยกเลิกค่าธรรมเนียม การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลที่มาพร้อมโอกาสและการผลักดันให้เกิดการเชื่อมต่อธุรกิจข้ามประเทศในระดับภูมิภาค ดังนั้น ในปี 2562 ภารกิจสำคัญเพื่อขับเคลื่อนธนาคารกสิกรไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมผลการดำเนินการที่เติบโตสอดคล้องกัน ได้แก่
ผนึกพันธมิตรแพลตฟอร์มขยายฐานลูกค้า เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตลูกค้าในทุกมิติ พร้อมรองรับลูกค้าทั้งบนแพลตฟอร์มของธนาคารเอง ผ่าน K PLUS และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น ทั้งในโลกโซเชียล แชท ชอปปิ้ง การเดินทาง ฯลฯ โดยธนาคารจะผสานความร่วมมือกับพันธมิตรสร้างประสบการณ์บริการที่ราบรื่นไร้รอยต่อ ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าในทุกช่วงจังหวะชีวิต และทำความเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง
เดินหน้าธุรกิจเพื่อหารายได้ใหม่ โดยจะเดินหน้าแผนธุรกิจในการสร้างรายได้จากการให้สินเชื่อลูกค้าบุคคลที่มีจำนวนผู้กู้ยืมในตลาดนี้ประมาณ 31.3 ล้านราย ซึ่งปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 7% และตั้งเป้าหมายจะดันส่วนแบ่งตลาดเป็น 16% โดยการผนึกพันธมิตรแพลตฟอร์มชั้นนำเพื่อไปอยู่ในที่ที่ลูกค้าอยู่ ช่วยให้สามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจลูกค้า วิเคราะห์ความต้องการสินเชื่อและศักยภาพที่จะชำระคืน แล้วส่งข้อเสนอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อสร้างรายได้ใหม่ชดเชยการลดลงของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย จากการยกเลิกค่าธรรมเนียมผ่านช่องทางดิจิทัลและการชะลอตัวของธุรกิจประกัน
บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการนำสินทรัพย์ที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปรับพอร์ตเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น การปรับปรุงกระบวนการติดตามหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอย่างเหมาะสมต่ออัตราการฟื้นตัวของสินเชื่อ
นายพัชร กล่าวว่า ภายใต้แนวทางที่ธนาคารกสิกรไทยจะเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วยการขยายฐานลูกค้า การสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ โดยมีฐานข้อมูลมาช่วยในการลดต้นทุน วิเคราะห์หาบริการที่ตรงใจลูกค้า พร้อมการบูรณาการทุกมิติของทีมงานและการสร้างพันธมิตรกับภายนอก เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินปี 2562 ที่วางไว้ ด้วยอัตราการเติบโตของเงินให้สินเชื่อรวม 5-7% โดยสินเชื่อธุรกิจบรรษัทเติบโต 3-5% สินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโต 2-4% และสินเชื่อลูกค้ารายย่อยเติบโต 9-12% อัตราส่วนผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ 3.3-3.5% อัตราการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย -5% ถึง -7% และอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม 3.3-3.7% พร้อมแข่งขันและเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เตรียม 5,000 ล้านลงทุนนวัตกรรมการเงิน ชู KBTG บริษัทไอทีอันดับหนึ่ง
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส – เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวย้ำถึงการสานต่อภารกิจของ KBTG ในการผลักดันธนาคารกสิกรไทยไปสู่เป้าหมายการเป็นผู้ให้บริการที่รู้ใจลูกค้าด้วยช่องทางดิจิทัลที่ล้ำสมัย โดยการนำเสนอแนวคิดแห่งนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Augmented Intelligence (AI) มาใช้ขับเคลื่อนองค์กร ที่เกิดจากการตระหนักว่าความอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นไม่ได้มาจากปัญญาประดิษฐ์เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากบุคลากรที่สั่งสมประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจในธุรกิจ และความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง
ดังนั้น จึงเชื่อว่า ธนาคารอัจฉริยะ ที่แท้จริงจึงต้องมาจากการผนวกประสบการณ์ของพนักงานธนาคาร เข้ากับความชาญฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ อันนำมาซึ่งแนวคิดด้านนวัตกรรมทางการเงินใหม่ที่เรียกว่า Cognitive Banking ที่ส่งมอบคุณค่า 3 ด้านให้แก่ลูกค้า ประกอบด้วย บริการที่ฉลาด รู้ใจ (Highly Intelligence) บริการที่ปรับรูปแบบตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า (Highly Adaptive) เข้าใจ รู้ใจ ลูกค้าแต่ละคนอย่างลึกซึ้ง (Highly Personalized) โดยการเป็น Cognitive Banking จะทำให้บริการดิจิทัลของธนาคารกสิกรไทยมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดไปไกลกว่าการเป็นเพียงธนาคารหรือแพลตฟอร์มบนโทรศัพท์มือถือ
นอกจากนี้ KBTG ยังคงเดินหน้าด้วยวิสัยทัศน์ 'นวัตกรรมที่ดีต้องสร้างคุณค่าให้แก่ทุกคน' (Inclusive Innovation) สร้างสรรค์บริการเพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ลูกค้าทุกระดับ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาลดต้นทุนเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้ และประยุกต์ใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่กว้างขวางขึ้น ก่อให้เกิดการนำเสนอสินเชื่อรูปแบบใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัลให้กับลูกค้ากลุ่ม Underbanked ที่ในอดีตไม่สามารถรับบริการสินเชื่อจากธนาคารได้เพราะขาดคุณสมบัติ เช่น การเดินบัญชีไม่เพียงพอ หรือไม่มีรายได้ที่สม่ำเสมอ
KBTG ยังเชื่อว่า ในยุค Disruption การสร้างพันธมิตรเป็นสิ่งสำคัญ จึงผลักดันความสามารถที่ธนาคารจะทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพ หรือองค์กรธุรกิจชั้นนำ ผ่านนวัตกรรมแห่งความร่วมมือ 3 รูปแบบ ได้แก่ Open Banking API ความสามารถในการต่อเชื่อมบริการของธนาคารให้แก่พันธมิตรโดยสะดวกและปลอดภัย K PLUS Business Platform การสร้างความหมายใหม่ของ K PLUS จากการเป็นธนาคารบนโทรศัพท์มือถือไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจที่พันธมิตรสามารถนำไปต่อยอดสร้างบริการแบบดิจิทัล โดยการประยุกต์ใช้คุณสมบัติที่มีอยู่แล้วอย่างเต็มศักยภาพ Innovation Sandbox คือ สนามทดลองเพื่อรองรับการทดสอบไอเดียทางนวัตกรรมใหม่ ๆ ของพันธมิตรโดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพ ได้อย่างประหยัดและรวดเร็ว
นายเรืองโรจน์ กล่าวตอนท้ายว่า วิสัยทัศน์ทั้งหมดจะเป็นจริงได้ก็ด้วยศักยภาพทางเทคโนโลยีและบุคลากรของ KBTG จึงตั้งเป้าหมายการพัฒนา KBTG ไปสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเปลี่ยนแกนเทคโนโลยีของโลกมาสู่ประเทศไทย ภายในปี 2565 โดยเริ่มจากงบลงทุนด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และบุคลากร ในปีนี้กว่า 5,000 ล้านบาท
KBank announces a mission to create a better life for everyone
Integrating data, human resources and business partners towards a brand-new banking business
In response to rapid changes in customer behavior and technologies, KBank announces a mission to forge a brand-new banking business in order to be more robust at home and ready to make greater inroads abroad. In so doing, KBank has integrated data, human resources and business partners to personalize services that meet the needs of customers residing anywhere. The Bank is aiming for Baht 30 billion of data-driven lending, retail loan growth of 9-12 percent while also tapping into CCLMVI markets. KBank’s income from overseas business is projected to increase by more than eightfold over the next three years.
Robust in Thailand and Number-One in ASEAN
Mr.Predee Daochai, KBank President, said that the Thai banking sector has had to adjust to rapid changes in the economic and business environment, in particular consumer behavior and technologies, as evidenced by steady growth in digital transactions, given that the mobile internet penetration rate in Thailand is at 82 percent, while 74 percent of all Thais conduct financial transactions via mobile banking, and 48.5 percent shop online.
In that context, the Thai banking sector is pressing ahead to become an efficient financial intermediary through cooperation to build an essential and pioneering element of Thailand’s financial infrastructure, namely PromptPay, which currently has 46.5 million registered IDs and 4.5 million transactions per day. QR code payment standards have also been introduced, and QR code is being used by 3 million merchants. The capacity of ITMX (Interbank Transaction Management and Exchange System) has been expanded to accommodate up to 1,000 interbank transactions per second, and member banks have agreed to double its capacity at their respective institutions by 2019. A project promoting payments through the use of debit cards instead of cash has helped increase the number of debit cards to 59 million. A total of 700,000 EDC devices have been installed at various stores nationwide. Twenty-three organizations, members of the TB-CERT project designed to build the stability and security of the banking IT system, have exchanged data and conducted cyber threat exercises regularly.
Within the next two years, Thais will be able to use new financial services from local banks as a result of their cooperation in financial infrastructure, as follows:
An upgrade of the PromptPay Project from providing Thai standard-based QR code service only in-country towards the Thai standard-based QR code service in CLMV+3, aimed at allowing payers having mobile banking applications of all Thai banks to make payments abroad. The Business Scan Customer (B Scan C) service will also be introduced to offer greater convenience for consumers in making payments via mobile phone.
The Thailand Blockchain Community Initiative Project has begun offering Letter of Guarantee service. A total of 22 Thai and international financial institutions, plus seven business and state enterprise sectors, have joined this project. It is expected that such transactions will reach approximately 40,000 items and increase sharply beyond that point, as more agencies are set to join. In addition, blockchain technology will be used to introduce the E-Transcript service so as to offer confidence and convenience to students and new university graduates, plus job seekers and organizations wanting to recruit employees.
The National Digital ID (NDID) Project, which is designed to allow individuals to confirm their identity online, will allow consumers to open bank accounts anywhere, anytime, without having to go to a bank branch. Online loan applications, loans and securities trading account opening, plus white-label ATMs will help banks manage their costs more efficiently, reinforcing the Thai banking system’s position at the forefront of ASEAN.
Mr.Predee added that Thai banks have cooperated to bring the systems and services of Thai financial institutions to a position of leadership within ASEAN. Many Thai financial services are at the same standard as those of leading countries. The efforts undertaken by Thai banks are intended to offer maximum benefit to the customers, who are thus able to make quick adjustment towards the digital era on a large scale, and promote Thailand’s entrance to the digital era in a stable and sustainable manner.
Capitalizing on Big Data to Offer Personalized Services; Aiming for Baht 30 Billion of Data-Driven Lending
Ms.Kattiya Indaravijaya, KBank President, said amid technological advancements and customers’ increasing preference for digital channels, the volume of related data has hugely increased. In addition, customers’ diverse lifestyles require more specifically targeted products and services. With unremitting effort, KBank is enhancing our analytics potential in order to convert data into insights, so as to gain in-depth understanding of customers’ requirements and offer exclusive services to satisfy individual desires, as follows:
Creating frictionless, anywhere, anytime experiences: Nowadays, customers spend more time in the digital world, especially on social media platforms. KBank will engage in taking care of our customers and catering to their particular lifestyles in the digital realm. We are prepared to offer frictionless, anywhere, anytime payment services, blending the latest technologies with our data analytics potential for the hassle-free life of our customers, for example, facial recognition for account opening without visiting a Bank branch, voice-activated payment with no need to carry a wallet, and funds withdrawal without an ATM card or mobile phone.
Offering personalized services to all: Given our customer insights, we can offer more individualized services and expand our customer base, enabling us to access unbanked and underbanked customers who have minimal bank transactions or lack evidence of steady income.
Providing streamlined and automated services that use less paper: In becoming a full Data-Driven Bank, KBank can cut operating costs and expand customer services more rapidly and widely. Customers will also have a reduced burden of documentation, with enhanced security.
Customer data privacy is most important for KBank, and all employees must strictly adhere to this principle. Data for analytics cannot identify the customers, and no data will be shared without the customers’ consent.
To achieve data-driven services that are beyond expectation, KBank has made preparations in four aspects:
Data: Data is available for all departments’ analytics in their development of products and services that perfectly match customers’ requirements;
Technologies: We have prepared ourselves in terms of technologies to support exponential business expansion;
Personnel: Staff is key to creating business value based on data. Data analytics potential has been enhanced organization-wide, including more than 500 employees who have been trained in Business Analytics and 284 employees in Machine Learning Analytics; and
Data-driven culture: To create a data-driven culture, we have blended human intelligence with technologies to become an ‘Augmented Intelligence’ with the aim of achieving Cognitive Banking status. With regard to operating processes, KBank has undertaken internal restructuring for greater efficiency in customer services. The restructuring involves into three functions: the service and sales function aimed at responding to the demands of each customer based on the ‘Segment of One’ concept; the strategy function that focuses on leveraging data for the benefit of KBank; and the product function that strives to offer the most responsive services.
In 2019, KBank aims for Baht 30 billion of data-driven lending, and to earn data-driven income at not less than 50 percent of total income.
Targeting Income from International Business to Grow More Than Eightfold in Three Years via the ‘Augmented Economy’
Mr.Pipit Aneaknithi, KBank President, said that uncertainty is today’s certainty amid developments such as the emerging international trade war and digital disruption which has shaped a new trend of consumption. All of these challenges are shaking up the business scene and forcing companies to adjust for survival in the Augmented Economy era, driven by technology which seamlessly blends the offline and virtual worlds. Every industry needs to combine its skills and embrace digital technology to reach out to customers.
In the era of augmented economy, KBank has embraced a new business paradigm to keep up with any changes and leapfrog our growth. KBank is prepared to propel Thai companies into the international economic scene and flawlessly connect trading transactions from upstream to individual customers, based on three concepts:
Beyond Frontiers is to see the opportunities in regional markets, especially in the CCLMVI countries (China, Cambodia, Lao PDR, Myanmar, Vietnam and Indonesia), all of which have GDPs that are poised to record steady growth. It is expected that by 2030, the CCLMVI countries will have a combined GDP of USD28.64 trillion, 41 times larger than the Thai economy, with a total population 28 times larger than that of Thailand.
Beyond Banking is KBank’s target to be there for customers anytime, anywhere and via any channel, to ensure customer convenience.
Beyond Competition is the formation of new partnerships with fintechs and startups across varied countries and industries to upgrade KBank’s services and enhance the competitiveness of Thai companies, in order to equip them for the CCLMVI market in the new economic era.
KVision has been established by KBank to explore technologies and invest in fintechs or startups, with over Baht 8 billion of investment. KVision has established innovation labs in five countries – Thailand, Israel, China, Indonesia and Vietnam – to scout innovations, tech partners and tech talents to support KBank’s operations in CCLMVI, while finding technologies to add value and thus help Thai companies compete in the new borderless market.
This year, KBank will connect our customers with consumers in CCLMVI by employing three key strategies: 1) Local Partnership & Insight KBank joins hands with our partners in these emerging countries and shares valuable knowledge gained from our business channels and our presence in every country, so that our customers gain a true understanding of how to do business in each respective country; 2) Cross-Border Value Chain Solution KBank plans to launch such solutions in Lao PDR and Cambodia, starting with the introduction of digital systems to facilitate convenience in payment transactions between buyers and sellers, and enhance the effectiveness of data storage; 3) Single Regional Payment Platform KBank will make life convenient for our consumers in the region and reach out to them via our platforms. KBank has begun such digitalization projects under “QR KBank”, an online wallet, for customers in Vientiane in Lao PDR to allow them to conveniently access financial services without using cash, in line with the Lao government’s cashless policy. The pilot project has been launched at Nongchan Market or Talat Khuadin. KBank aims for around 2 million transactions worth over LAK36 billion, or around Baht 115 million, to be transacted via “QR KBank” in 2019, marking the beginning of a Single Regional Payment Platform. The initiative will also allow KBank to understand the behavior of digital spenders in Lao PDR. KBank plans to expand our services and connect our platforms throughout the CCLMVI countries in the future.
Mr.Pipit summed up by noting that KBank aims to increase income from international business by more than eightfold within the next three years. Amid the challenges presented by the Augmented Economy and the tremendous untapped potential of CCLMVI markets, KBank is ready to advance with digital platforms reaching out to customers in each country and helping us understand their needs, while connecting regional payment systems to lead Thai businesses beyond borders and for a shared prosperity.
Acquiring New Customers, Targeting Retail Business Growth at 9-12 Percent
Mr.Patchara Samalapa, President, said that numerous challenges, i.e., economic trends, competition and the emergence of disruptive technologies, especially the highly competitive environment of the digital banking business have led to fee waivers for digital transactions. However, these challenges come with opportunities wherein businesses have been brought closer through cross-border connectivity. Our 2019 mission is to move KBank forward with healthy growth through:
Integration with platform providers for customer base expansion: Aspiring to be the Customers’ Life Platform of Choice – the most preferred platform that can meet the needs of all customer groups in every aspect of their lives – we will integrate with our business partners to deliver a frictionless customer experience through KBank’s own platform via K PLUS and linkage with other platforms for social networking, chatting, shopping, travelling, and more. With this move, we can build a 360-degree customer view and thus gain customer insights.
Seeking new revenue streams: We will prioritize extending personal loan to generate greater income to KBank. Presently, KBank hol