- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Thursday, 27 September 2018 21:15
- Hits: 6353
ออมสิน ชี้แจงการกู้เงินของคุณครูในโครงการ ชพค.-ชพส. และเหตุผลการทำประกันเพื่อสังคมเข้าใจ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษธนาคารออมสินเกี่ยวกับการทำประกันสินเชื่อโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. นั้น ซึ่งในกรณีดังกล่าวธนาคารได้เคยชี้แจงต่อหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแล ได้แก่ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
ในปี 2542 รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.ค. จัดหาเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู เพื่อให้ข้าราชการครูไปชำระหนี้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ โดยได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเป็นเงิน 500 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหา กระทรวงศึกษาธิการจึงมีหนังสือถึงกระทรวงการคลัง ซึ่งกระทรวงการคลังมอบหมายให้ธนาคารออมสินพิจารณา และจากการพิจารณาหารือร่วมกันสามฝ่าย ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มข้าราชการครูที่เป็นหนี้สิน และธนาคารออมสิน ได้กำหนดเจตนารมณ์ร่วมกันให้มีการรวมหนี้นอกระบบทั้งหมดของผู้กู้มาไว้ที่ธนาคาร โดยผู้กู้จะรวมกลุ่มย่อย 5-10 คนเพื่อค้ำประกันซึ่งกันและกัน กรณีมีผู้กู้คนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ผู้ค้ำประกันในกลุ่มจึงต้องรับภาระหนี้แทน จึงมีการเรียกร้องให้มีการทำประกันเพื่อประกันสินเชื่อตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เมื่อผู้กู้เสียชีวิตจะไม่ทิ้งภาระไว้ให้แก่ ผู้ค้ำประกันและทายาท ซึ่งเก็บค่าเบี้ยประกันครั้งเดียวตลอดอายุสัญญา เช่น สัญญา 20 ปี ผู้กู้ต้องทำประกันและจ่ายเบี้ยประกัน 20 ปี และค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับ เพศ อายุผู้กู้ (ไม่เกิน 60) ทุนประกัน และระยะเวลาเอาประกัน ซึ่งหากวงเงินกู้เกิน 2 ล้านบาทต้องตรวจสุขภาพ และอาจต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่ม ซึ่งวงเงินความคุ้มครองจะลดลงตามภาระเงินกู้ ทำให้มีความเสี่ยงจากทุนประกันที่ลดลงอาจไม่เพียงพอกับมูลหนี้คงเหลือ
ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. มีโครงการช่วยเหลือสมาชิก ช.พ.ค. โดยการจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยที่เหมาะสม เพื่อสมาชิกจะได้นำเงินกู้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในยามจำเป็น จึงได้จัดทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคาร ตั้งแต่ปี 2548 โดยในโครงการแรก ๆ ให้กู้ได้ไม่เกิน 200,000 บาท ต่อมาปี 2552 สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ได้สำรวจความต้องการของสมาชิก และขอแก้ไขหลักเกณฑ์เงื่อนไขจากเดิม วงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท เป็น600,000 บาท และใช้ชื่อ 'โครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. โครงการ 5' ซึ่งเมื่อวงเงินกู้เพิ่มขึ้น สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. จึงเพิ่มทางเลือกให้ผู้กู้ทำประกันสินเชื่อตามความสมัครใจ ซึ่งถ้าหากไม่ทำประกันฯ เมื่อผู้กู้เสียชีวิต เงิน ช.พ.ค. ที่ทายาทจะได้รับในขณะนั้นประมาณ 700,000 บาท หักค่าทำศพ200,000 บาทแล้วจะถูกนำมาชดใช้หนี้เงินกู้และดอกเบี้ยให้แก่ธนาคาร ซึ่งอาจไม่เพียงพอชำระหนี้ และตกเป็นภาระของทายาทและผู้ค้ำประกันต่อไป หรืออาจไม่มีเงินเหลือให้ทายาทเลย
ทำให้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการให้ทายาทได้รับเงิน ช.พ.ค. เมื่อสมาชิกเสียชีวิตแล้ว สำนักงาน สกสค. จึงขอให้ธนาคารออมสินประสานบริษัทประกันเพื่อจัดทำประกันสินเชื่อ ซึ่งบริษัทประกันได้เสนอ “การทำประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพสินเชื่อปลอดภัย” โดยมีเงื่อนไขที่แตกต่างจากแบบเดิมที่กำหนดความคุ้มครองแบบทุนประกันลดลงตามภาระเงินกู้ เป็นแบบคุ้มครองเต็มวงเงินกู้(แบบทุนประกันคงที่) เพื่อลดความเสี่ยงทุนประกันไม่พอกับมูลหนี้คงเหลือ รับประกันทุกรายที่แจ้งความประสงค์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพทุกวงเงิน (วงเงินสูงสุด 3 ล้านบาท) คุ้มครองเต็มวงเงิน อายุไม่เกิน 65 ปี คุ้มครองคราวละไม่เกิน 9 ปี เมื่อกรมธรรม์ครบกำหนดต่ออายุได้ไม่เกินคราวละ 9 ปี และคุ้มครองไม่เกินอายุ 74 ปี โดยคิดค่าเบี้ยประกันจากจำนวนเงินกู้คงเหลือในอัตรา 620.-บาท/ปี/ทุนประกัน 100,000 บาท ซึ่งค่าเบี้ยประกันดังกล่าวได้คำนวณอัตราส่วนลดสำหรับการจ่ายค่าเบี้ยประกันล่วงหน้า 9 ปี ไว้แล้ว โดยให้ความคุ้มครองภัยจากอุบัติเหตุและสุขภาพ การเจ็บป่วยด้วยภาวะโรคร้ายแรง คือ ภาวะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ภาวะโคม่า (Coma) ภาวะระบบทางเดินหายใจล้มเหลว (Respiratory failure) ภาวะสมองตายและระบบประสาทล้มเหลว (Brain Death and Neurologic Failure) เงื่อนไขความคุ้มครองและอัตราค่าเบี้ยประกัน ได้มีการพิจารณาข้อมูลในการทำประกันในลักษณะเดียวกันที่มีอยู่ในท้องตลาด และได้รับการพิจารณาและอนุมัติอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
การชำระค่าเบี้ยประกัน ธนาคารจะติดต่อกับบริษัทประกันผ่านระบบ Online เพื่อยื่นคำขอทำประกัน สำหรับค่าเบี้ยประกันเมื่อผู้กู้จ่ายค่าเบี้ยประกันให้บริษัทประกันเรียบร้อยแล้ว ผู้กู้จะได้รับใบรับชำระเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการชำระค่าเบี้ยประกัน หลังจากนั้นบริษัทประกัน จะส่งใบรับรองประกันภัย/ใบเสร็จรับเงิน ซึ่งสรุปสาระสำคัญของความคุ้มครอง และเอกสารเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ความคุ้มครอง และการเรียกร้องค่าสินไหม ให้ผู้กู้ตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ ซึ่งมีใบรับรองประกันฯ บางส่วนส่งกลับคืนมาที่บริษัท การที่ผู้กู้บางรายไม่ได้รับเอกสารดังกล่าวอาจเนื่องจากย้ายที่อยู่หรือไม่มีผู้รับ เป็นต้น สำหรับกรมธรรม์ฉบับเต็ม บริษัทได้ส่งมอบให้ธนาคาร และสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เนื่องจากเป็นการประกันแบบกลุ่ม หากผู้กู้ต้องการกรมธรรม์ประกันภัยฉบับเต็ม สามารถติดต่อขอรับได้ที่บริษัท หรือ สามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท
ต่อมา ในปี 2553 สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ได้สำรวจความต้องการของสมาชิก และขอแก้ไขหลักเกณฑ์เงื่อนไขจากเดิม 600,000 บาท เป็น 1,200,000 บาท (โครงการ ช.พ.ค. 6) และเป็นไม่เกิน 3 ล้านบาท ในปี 2554 (โครงการ ช.พ.ค. 7) โดยนำเงิน ช.พ.ค. และบุคคลมาค้ำประกัน หรือถ้าบุคคลค้ำประกันไม่พอ ก็สามารถนำประกันสินเชื่อหรือหาหลักทรัพย์อื่นมาค้ำประกันเพิ่มเติมได้ ดังนี้
วงเงินกู้ | ผู้กู้ทำประกัน | ผู้กู้ไม่ทำประกัน |
กู้ไม่เกิน 600,000 บาท | 1 คน | 2 คน |
กู้เกินกว่า 600,000 บาท แต่ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท | 2 คน | 4 คน |
กู้เกินกว่า 1.2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท | 3 คน | 6 คน |
กู้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 2.4 ล้านบาท | 3 คน | 8 คน |
กู้เกินกว่า 2.4 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3.0 ล้านบาท | 3 คน | 10 คน |
โครงการ | ระยะเวลาการให้กู้ |
ช.พ.ค. 2-3 | ระยะเวลาการกู้ 5 ปี เมื่อสัญญากู้ครบกำหนด หากธนาคารยังไม่ได้รับชำระเงินกู้ จะทำการทบทวนหนี้ใหม่ทุกหนึ่งปี หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดีติดต่อกันและ ไม่มีการบอกเลิกสัญญา หรือหากธนาคารพิจารณาให้สัญญามีผลบังคับใช้ต่อให้ถือว่าสัญญา มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปีโดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้ |
ช.พ.ค. 4-6 | ระยะเวลาการกู้ 10 ปี เมื่อสัญญากู้เงินครบกำหนด หากธนาคารยังได้รับชำระเงินกู้ ไม่ครบจะทำการทบทวนใหม่ทุก 1 ปี หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดีติดต่อกันและไม่มีการบอกเลิกสัญญากู้เงิน หรือหากธนาคารพิจารณาให้สัญญากู้เงินมีผลบังคับใช้ต่อ ให้ถือว่าสัญญากู้เงินมีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปี โดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้เงิน |
ช.พ.ค. 7 (เกื้อกูลฯ) | ระยะเวลาให้กู้ไม่เกิน 30 ปี เมื่อสัญญากู้ครบกำหนด หากธนาคารยังได้รับชำระเงินกู้ไม่ครบ จะทำการทบทวนใหม่ทุกปี หากผู้กู้มีประวัติการชำระเงินกู้ดี และไม่มีการบอกเลิกสัญญา หรือหากธนาคารพิจารณาให้ สัญญามีผลบังคับใช้ต่อ ให้ถือว่าสัญญามีผลบังคับใช้ต่อเนื่องปีต่อปี โดยไม่ต้องทำบันทึกต่ออายุสัญญากู้ |
ทั้งนี้ คำนวณเงินงวดผ่อนชำระ 360 งวด (30 ปี) เช่นเดียวกับสินเชื่อเคหะ ที่มีเงินงวดผ่อนชำระต่ำ ทำให้สามารถกู้เงินในจำนวนที่สูงขึ้นได้ แล้วแต่ความจำเป็นของครู แต่ผู้กู้สามารถผ่อนชำระเงินกู้มากกว่าเงินงวดตามเงื่อนไขหรือนำเงินมาสมทบชำระหนี้ เพื่อให้ชำระหนี้หมดเร็วกว่าที่กำหนดไว้ ทำให้จ่ายดอกเบี้ยลดลง โดยกำหนดให้ชำระหนี้ภายในวันสุดท้ายของเดือน หากชำระหนี้ล่าช้าเกินกว่า 62 วัน ธนาคารจึงจะคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดไม่ชำระหนี้ในอัตราร้อยละเท่ากับอัตราดอกเบี้ยปกติบวกเพิ่มร้อยละ 2 ดังนั้น กรณีที่หน่วยงานนำส่งชำระหนี้ล่าช้า แต่ไม่เกิน 62 วัน ธนาคารไม่คิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัด และเมื่อธนาคารได้รับชำระหนี้แล้ว จะออกใบเสร็จรับชำระหนี้แบบกลุ่มหน่วยงานส่งให้สำนักงาน สกสค. หรือ หน่วยจ่ายเงินเดือน และจัดทำ statement ส่งให้ผู้กู้เป็นรายปีทุกปี กรณีที่มีผู้กู้ต้องการstatement ก่อนที่ธนาคารจัดส่งให้ ผู้กู้สามารถแจ้งความประสงค์ที่สาขา เพื่อนำส่งให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้