- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 15 January 2018 16:13
- Hits: 8127
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับ 1820 แนวต้าน 1835-1840
SET Index: 1829.04 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่1815 จุดขึ้นไป พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ SET Index น่าจะมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1840 จุดตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร โดยมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1820 จุด ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1800 จุด
แนวต้าน : 1835 และ 1840
แนวรับ : 1802** และ 1815
AOT = 70.00/71.00, SCB = 161/162, PTT = 478/484, GULF = 81.00/82.50, IVL = 58.50/60.00
Amata Corporation (AMATA TB; THB 28.25) – ซื้อ
แนวต้าน : 30.00 และ 31.00
แนวรับ : 28.25 และ 27.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ AMATA โดยมีแนวรับที่ 28.25 และ 27.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 30.00 และ 31.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 26.50 ลงไป
STP&I (STPI TB; THB 6.05) – ซื้อ
แนวต้าน : 6.40 และ 6.80
แนวรับ : 6.05 และ 5.90
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างที่แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลง ล่าสุดราคาหุ้นสามารถทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ STPI โดยมีแนวรับที่ 6.05 และ 5.90 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 6.40 และ 6.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.50 ลงไป
SET Index: 1829.04 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่1815 จุดขึ้นไป พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ SET Index น่าจะมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1840 จุดตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร โดยมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1820 จุด ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1800 จุด
แนวต้าน : 1835 และ 1840
แนวรับ : 1802** และ 1815
AOT = 70.00/71.00, SCB = 161/162, PTT = 478/484, GULF = 81.00/82.50, IVL = 58.50/60.00
Amata Corporation (AMATA TB; THB 28.25) – ซื้อ
แนวต้าน : 30.00 และ 31.00
แนวรับ : 28.25 และ 27.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ AMATA โดยมีแนวรับที่ 28.25 และ 27.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 30.00 และ 31.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 26.50 ลงไป
STP&I (STPI TB; THB 6.05) – ซื้อ
แนวต้าน : 6.40 และ 6.80
แนวรับ : 6.05 และ 5.90
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างที่แนวต้านของกรอบแนวโน้มขาลง ล่าสุดราคาหุ้นสามารถทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ STPI โดยมีแนวรับที่ 6.05 และ 5.90 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 6.40 และ 6.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.50 ลงไป
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…คาดเดินหน้าขึ้นทดสอบ 1820 จุดวันนี้
ดัชนีเมื่อวันศุกร์ยังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปิดตลาดที่ 1,810.19 จุด ปรับขึ้น +7.39 จุดหรือ +0.41% ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่นถึง81,790 ล้านบาท จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ 2,363 ล้านบาทและกองทุนในประเทศอีก 2,617 ล้านบาท โดยดัชนียังเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ตลาดมีการก่อตั้งขึ้นมาในปี 2518 หรือกว่า 42 ปีมาแล้ว หากพิจารณาจากต้นปีดัชนีปรับขึ้นมา +56.48จุดหรือ +3.2% โดยกองทุนในประเทศยังเป็นฝ่ายซื้อสุทธิหนุนตลาดถึง 8,130 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 7,244 ล้านบาทและนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 6,492 ล้านบาท เราคาดว่าหากดัชนีจะมีการปรับฐานในรอบนี้ ต้องติดตามการขายของกองทุนในประเทศเป็นสำคัญ เนื่องจากในปีที่แล้วมีการซื้อสุทธิมากถึงเกือบ 1 แสนล้านบาทและปีนี้ยังซื้อสุทธิต่ออีกกว่า 8 พันล้านบาท ส่งผลให้กองทุนในประเทศมีหุ้นอยู่ในมือมากและมีกำไรมากพอที่จะขายทำกำไรได้ทุกเมื่อ
การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงปรับขึ้นได้ต่อเนื่องในปีนี้นอกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว ค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่าลงจากความคาดหวังการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็เป็นอีกปัจจัยหนุนด้วย โดยค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงนี้ (เงินยูโรแข็งค่าขึ้น) หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. โดยระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะทำการทบทวนแนวทางการสื่อสารของ ECB ในต้นปีนี้ และจะปรับใช้ถ้อยคำในแถลงการณ์ของการประชุมอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวมากขึ้น รายงานการประชุมดังกล่าวบ่งชี้ว่า ECB จะตัดถ้อยคำที่ว่า "ECB จะซื้อพันธบัตรจนกระทั่งอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ ECB" และเป็นการส่งสัญญาณว่า ECB พร้อมจะลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งมีมูลค่า 2.55 ล้านล้านยูโร โดยจะถอนตัวจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น (ปัจจุบันลดวงเงินการทำ QEจาก 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนเหลือ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือนไปจนสิ้นสุดเดือนก.ย. ปีนี้)
รายงานดังกล่าวแสดงว่า คณะกรรมการ ECB มองว่าการสื่อสารเกี่ยวกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจะได้รับความสำคัญมากขึ้น ขณะที่การซื้อพันธบัตรจะมีบทบาทลดลงในฐานะเครื่องมือด้านนโยบายของ ECB นอกจากนี้ การที่เจ้าหน้าที่ ECB ได้มีการหารือกันอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมหลังจากโครงการ QE สิ้นสุดลง บ่งชี้ว่าคณะกรรมการ ECB ให้การสนับสนุนมากขึ้นต่อการตัดสินใจยุติโครงการในปีนี้หลังจากที่ได้ดำเนินการมานาน 3 ปี
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้มีการประกาศงบกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตัวแรกออกมา โดย TISCO รายงานกำไรประจำปี 2560 ออกมามีกำไร 6,090 ล้านบาทหรือกำไรต่อหุ้น 7.61 บาท เพิ่มขึ้น 21.6% แต่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะมีกำไร 6,277 ล้านบาท หรือหากพิจารณาดูไตรมาส 4/60 จะพบว่ารายงานกำไร 1,521 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1,640 ล้านบาทถึง 7% ดังนั้นคาดว่าวันนี้ราคาหุ้นอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไรออกมาได้ส่วนธนาคารอื่นๆ ก็จะทยอยประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2560 ออกมาในสัปดาห์นี้ โดยวันที่ 18 ม.ค. คาด SCB TCAP TMB จะประกาศผลการดำเนินงานออกมา ส่วนวันที่ 19 ม.ค. คาดว่า BAY BBL KBANK KKP KTB จะประกาศผลการดำเนินงานออกมา
โดยธนาคารที่เราคาดว่าจะมีกำไรออกมาเติบโตทั้ง yoy และ qoq ประกอบไปด้วย BAY (+25.4% yoy, +7.5% qoq), BBL (+1.6% yoy, +2.9%qoq), KTB (+15.9% yoy, +46.8% qoq), TCAP (+25.4% yoy, +18.7% qoq) และ TMB (+5% yoy, +12.1% qoq) ส่วนธนาคารที่คาดว่าจะมีกำไรปรับลดลงทั้ง yoy และ qoq คือ KBANK (-23.9% yoy, -18.4% qoq) และ KKP (-3% yoy, -18.2% qoq) ในขณะที่ SCB คาดว่ากำไรจะ -18.4% yoy แต่จะ +2.4% qoq โดยเรายังให้ BBL KTB และ TMB เป็น top pick ในกลุ่มธนาคารโดยให้ราคาเป้าหมาย 258 บาท, 23.00 บาทและ 3.30 บาทตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังคงเน้นการ trading buy หุ้นรายตัวที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ออกมาดีหรือมีประเด็นการเก็งกำไร(story) เฉพาะตัว เราคาดว่าตลาดยังมีโมเมมตัมในการปรับขึ้นต่อเนื่องในวันนี้จากแรงบวกของตลาดหุ้นในต่างประเทศที่มีการประกาศผลการดำเนินงานออกมาดี, ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาอ่อนค่าลง กลุ่มที่เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ในช่วงนี้ประกอบด้วย กลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ค้าปลีก ท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรคงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นหลังจากที่ดัชนีปรับขึ้นมาเร็วในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปีจนทำให้มี upside จากดัชนีเป้าหมายปลายปีของเราที่ 1875 จุดเหลือเพียง 3.6%(Bloomberg consensus ให้เป้าหมายดัชนีปลายปีที่ 1870 จุด) วันนี้คาดดัชนียังมีโอกาสปรับขึ้นต่อทดสอบระดับ 1820 จุด เราให้แนวรับที่1808-1800 จุดและแนวต้านที่ 1817-1820 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BEAUTY BDMS BJC IVL
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,829.04 จุด เพิ่มขึ้น 18.85 จุด (+1.04%) มูลค่าการซื้อขาย46,781.64 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามตลาดต่างประเทศทดสอบแนวต้าน 1830 จุด โดยมีแรงหนุนหลักจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันยังปรับขึ้นต่อ ติดตามผลประกอบการ 4Q17 ของกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศออกมา
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย คาดกลุ่มพลังงานและธนาคารจะดันตลาดต่อ ช่วงเช้า SET เปิดกระโดดจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT PTTEP ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากที่ประเทศรัสเซียแสดงท่าทีสนับสนุนการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อเนื่อง นอกจากนี้ตลาดเริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารเข้ามา ซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงานออกมา โดยตลาดมมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานมีสัญญาณฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้ปัญหาหนี้เสียจะเริ่มผ่อนคลายลง หาก SET สามารถปิดเหนือระดับ 1830 จุดได้ จะถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนและมีโอกาสที่จะลุ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1850 จุด แนวรับ 1820 จุดแนะนำ หุ้นใหญ่ที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด SCB KTB SCC PTTGC BANPU
Technical Pick (PM) ...
Amata Corporation (AMATA TB; THB 28.25) – ซื้อ
STP&I (STPI TB; THB 6.05) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO4472
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO4472